สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 50 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี (31 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรหลังจากราคาทองพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหน้านี้ ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าราคาทองคำมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 51.50 ดอลลาร์ หรือ 1.84% ปิดที่ 2,749.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.279 ดอลลาร์ หรือ 3.75% ปิดที่ 32.796 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 22.10 ดอลลาร์ หรือ 2.16% ปิดที่ 999.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 42.50 ดอลลาร์ หรือ 3.68% ปิดที่ 1,111.60 ดอลลาร์/ออนซ์
เดวิด เมเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการซื้อขายโลหะจากบริษัท High Ridge Futures กล่าวว่า แม้ราคาทองคำปรับตัวลงเนื่องจากแรงขายทำกำไร แต่คาดว่าเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้าซึ่งรวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง จะยังคงเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
โพลหลายสำนักบ่งชี้ว่าคะแนนนิยมของคามาลา แฮร์ริส ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันนั้น สูสีกันอย่างมากในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พ.ย.
ทั้งนี้ นักลงทุนกังวลว่ามาตรการต่าง ๆ ของทรัมป์ เช่นแผนการปรับลดอัตราภาษีและการผ่อนคลายกฎระเบียบในภาคการเงิน จะทำให้สหรัฐฯ เผชิญกับการขาดดุลงบประมาณมากขึ้น และจะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เฟดชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เวลาประมาณ 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 111,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 254,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.1% ในเดือนต.ค.