ราคาทองฟิวเจอร์ดิ่งลงกว่า 30 ดอลลาร์ใกล้หลุดระดับ 2,550 ดอลลาร์ โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการที่นักลงทุนเปิดรับความเสี่ยง หลังการคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ
ณ เวลา 18.41 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลบ 34.70 ดอลลาร์ หรือ 1.34% สู่ระดับ 2,551.80 ดอลลาร์/ออนซ์
ทั้งนี้ ราคาทองได้ดิ่งลงในการซื้อขาย 6 จาก 7 วันนับตั้งแต่ชัยชนะของนายทรัมป์ หลังจากพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้งในปีนี้
นายแม็กซิมิเลียน เลย์ตัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลกของซิตี้กรุ๊ป กล่าวว่า นักลงทุนพากันเข้าซื้อหุ้นและบิตคอยน์ ขณะที่เทขายทอง ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าการคว้าชัยชนะของนายทรัมป์ และการที่พรรครีพับลิกันมีแนวโน้มครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จะทำให้นายทรัมป์สามารถผลักดันการผ่อนคลายกฎระเบียบและการปรับลดอัตราภาษี
นายเลย์ตันระบุว่า การชะลอตัวของตลาดทองและโลหะเงินมีแนวโน้มดำเนินต่อไปอีกหลายสัปดาห์ สวนทางการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่บิตคอยน์พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือระดับ 93,000 ดอลลาร์วานนี้
ด้านนายวิเวก ธาร์ นักวิเคราะห์จากคอมมอนเวลธ์ กล่าวว่า ราคาทองยังได้รับผลกระทบจากการที่ดัชนีดอลลาร์พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี ซึ่งจะลดความน่าดึงดูดของทอง ทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
"การพุ่งขึ้นของดัชนีดอลลาร์เป็นการสะท้อนว่าตลาดได้ปรับตัวรับนโยบายของนายทรัมป์ซึ่งจะก่อให้เกิดเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราภาษี และการตั้งกำแพงภาษีต่อสินค้านำเข้า" นายธาร์กล่าว
ส่วนนายนิกกี ชีลส์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท MKS Pamp กล่าวว่า ทองและโลหะเงินจะยังคงปรับตัวซบเซาต่อไป จนกว่าช่วงฮันนีมูนของตลาดหุ้นขานรับชัยชนะของนายทรัมป์จะสิ้นสุดลง
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ นายพาวเวลจะกล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าวในงานเสวนาที่จัดขึ้นที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ในวันนี้ (14 พ.ย.) เวลา 15.00 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันพรุ่งนี้ (15 พ.ย.) เวลา 03.00 น.ตามเวลาไทย
ในการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายพาวเวลได้แสดงความพึงพอใจต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในขณะนี้ และยืนยันว่าเขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง แม้ถูกกดดันจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ
ด้านธนาคารกลางสหรัฐ สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.5% ในไตรมาส 4/2567
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1, 3.0% ในไตรมาส 2 และ 2.8% ในไตรมาส 3