สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (3 ธ.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการชะลอตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลแรงงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 9.40 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 2,667.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 62.80 เซนต์ หรือ 2.03% ปิดที่ 31.492 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 9.80 ดอลลาร์ หรือ 1.03% ปิดที่ 960.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 7.50 ดอลลาร์ หรือ 0.75% ปิดที่ 987.70 ดอลลาร์/ออนซ์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลง 0.3% เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย ส่วนการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
อย่างไรก็ดี ราคาทองคำลดช่วงบวก หลังจากสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 372,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 7.744 ล้านตำแหน่งในเดือนต.ค.
นักลงทุนมองว่าการเพิ่มขึ้นของตัวเลข JOLTS อาจจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีความระมัดระวังในการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยตัวเลข JOLTS เป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของเฟด