ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (7 ธ.ค.) บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางจีนได้เริ่มกลับมาซื้อทองคำเข้าคลังสำรองอีกครั้งในเดือนพ.ย. หลังจากหยุดพักไปเป็นเวลา 6 เดือน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า PBOC เป็นผู้ซื้อทองคำภาครัฐรายใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2566 และการกลับมาซื้อครั้งนี้อาจช่วยกระตุ้นความต้องการของนักลงทุนชาวจีนซึ่งค่อนข้างซบเซานับตั้งแต่ธนาคารกลางหยุดการซื้อที่ต่อเนื่องนาน 18 เดือนในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
การถือครองทองคำของจีนเพิ่มขึ้นเป็น 72.96 ล้านทรอยออนซ์ ณ สิ้นเดือนพ.ย. จาก 72.80 ล้านทรอยออนซ์ในเดือนต.ค.
แต่มูลค่าทุนสำรองทองคำของจีนลดลงเหลือ 1.9343 แสนล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนพ.ย. จาก 1.9906 แสนล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนต.ค. เนื่องจากราคาทองคำในเดือนพ.ย.ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. โดยมีสาเหตุมาจากเทขายทำกำไรหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง
ราคาทองคำในตลาดสปอตปรับตัวลง 5% แล้วจากจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,790.15 ดอลลาร์ต่อออนซ์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 31 ต.ค. แต่ราคาทองคำยังคงเพิ่มขึ้น 28% นับตั้งแต่ต้นปีนี้
"การกลับมาซื้อทองคำครั้งนี้เป็นสัญญาณว่า PBOC ยอมรับระดับราคาที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์เหล่านี้ และพร้อมที่จะเพิ่มทุนสำรองทองคำไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น" โอเล แฮนเซน หัวหน้ากลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จากแซ็กโซ แบงก์ (Saxo Bank) กล่าว