สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (9 ธ.ค.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางจีนเริ่มกลับมาซื้อทองคำอีกครั้งหลังจากหยุดซื้อไปเป็นเวลา 6 เดือน นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 26.20 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 2,685.80 ดอลลาร์/ออนซ์
"ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือข่าวที่ว่า ธนาคารกลางจีนรายงานว่าพวกเขาได้เริ่มกลับมาซื้อทองคำอีกครั้ง ตลาดเริ่มมีความหวังว่าอาจเห็นธนาคารกลางอื่น ๆ ทำตาม และเราอาจจะเห็นการกลับมาของการซื้อทองคำในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์" บาร์ต เมเลค หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของบริษัททีดี ซีเคียวริตีส์ (TD Securities) กล่าว
การกลับมาซื้อทองคำของจีนอาจช่วยสนับสนุนความต้องการของนักลงทุนในประเทศ โดยในปี 2566 จีนเป็นผู้ซื้อทองคำภาครัฐรายใหญ่ที่สุดในโลก แต่ธนาคารกลางจีน (PBOC) หยุดการซื้อทองคำที่ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 18 เดือนในเดือนพ.ค.ปีนี้
การซื้อทองคำอย่างแข็งแกร่งจากธนาคารกลางมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการพุ่งสูงขึ้นของราคาทองคำในปีนี้ นอกจากนี้ การผ่อนคลายนโยบายการเงินและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ช่วยหนุนราคาทองคำด้วย
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 0.50% ในเดือนก.ย.ตามมาด้วยการปรับลดลง 0.25% ในเดือนพ.ย.
บรรดานักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 86% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค.นี้
ความวุ่นวายในตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อกลุ่มกบฏซีเรียเข้ายึดกรุงดามัสกัสหลังจากทำสงครามกลางเมืองมายาวนาน 13 ปี ทำให้ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดต้องหลบหนีไปยังรัสเซีย
ทั้งนี้ ทองคำซึ่งไม่มีผลตอบแทนในรูปอัตราดอกเบี้ยนั้นมักปรับตัวขึ้นในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และดึงดูดนักลงทุนเข้าซื้อในช่วงเวลาที่เกิดความตึงเครียดทางการเมืองและเศรษฐกิจไร้เสถียรภาพ