สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพุธ (11 ธ.ค.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของเฟด
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 38.30 ดอลลาร์ หรือ 1.41% ปิดที่ 2,756.70 ดอลลาร์/ออนซ์
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนต.ค.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.3% ในเดือนต.ค.
เดวิด เมเกอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท High Ridge Futures กล่าวว่า ดัชนี CPI ที่ออกมาสอดคล้องกับการคาดการณ์ทำให้นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 96% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 86% ก่อนการเปิดเผยดัชนี CPI
นักวิเคราะห์จากบริษัท WisdomTree คาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในปี 2568 โดยได้แรงหนุนจากการชะลอตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ซึ่งจะทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต จะปรับตัวขึ้น 2.5% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือนต.ค. และคาดว่า ดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่ 3.1% ในเดือนต.ค.