ปี 2567 นับเป็นปีทองของทอง โดยราคาทองสามารถพุ่งขึ้น 27% นับตั้งแต่ต้นปี ทำสถิติปรับตัวขึ้นรายปีดีที่สุดในรอบ 14 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2553
ทั้งนี้ ราคาทองทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้งในปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อของธนาคารกลาง การผ่อนคลายนโยบายการเงิน และความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์
นายหาน ตัน หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Exinity Group กล่าวว่า ราคาทองอาจพุ่งขึ้นต่อไปแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ในปี 2568 หากทองยังคงมีสถานะเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
"ราคาทองสามารถพุ่งแตะ 3,000 ดอลลาร์ในปีหน้า หากนโยบายของทรัมป์กระตุ้นแรงกดดันจากเงินเฟ้อในสหรัฐ"
"ราคาทองอาจเข้าสู่ภาวะกระทิงอีกครั้งในปีหน้า หากนโยบายภายใต้ทรัมป์ 2.0 ทำให้เกิดความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้นักลงทุนหันเข้าหาทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย" นายตันกล่าว
ทั้งนี้ นักลงทุนกำลังจับตาการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นในปี 2568 นับตั้งแต่การตั้งกำแพงภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียบ และการปรับลดภาษีเงินได้ในสหรัฐ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวเป็นครั้งที่ 2
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาทองจะได้อานิสงส์ในปีหน้าจากการที่นักลงทุนเข้าลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ แต่ราคาทองก็อาจได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเหลือเพียง 2 ครั้ง จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4 ครั้ง