สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (31 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 22.9 ดอลลาร์ หรือ 0.87% ปิดที่ 2,641.0 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการของสหรัฐฯ เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร และรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ของเฟด
นอกจากนี้ จีนซึ่งเป็นผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ ได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ซึ่งช่วยหนุนราคาทองคำ
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน อยู่ที่ระดับ 50.1 ในเดือนธ.ค. ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 50.3 ในเดือนพ.ย. อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI อยู่ที่ระดับสูงกว่า 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงมีการขยายตัว
ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการซึ่งรวมถึงกิจกรรมในด้านการก่อสร้างด้วยนั้น ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 52.2 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 50.0 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนี PMI ที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนยังคงขยายตัวเช่นกัน
ทั้งนี้ ราคาทองคำทะยานทำสถิติใหม่ในปี 2567 แตะออนซ์ละ 2,790.15 ดอลลาร์ เมื่อ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคารกลางทั่วโลกที่ทยอยกันเข้าซื้อ ประกอบกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และทิศทางดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนแห่ถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
ด้านนักวิเคราะห์ประเมินว่าปัจจัยหนุนเหล่านี้จะยังอยู่ต่อไปในปี 2568 แต่ก็ต้องจับตานโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจกระตุ้นเงินเฟ้อ และทำให้เฟดต้องชะลอแผนลดดอกเบี้ย