สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (11 เม.ย.) ทะลุระดับ 3,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง ประกอบกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และหันมาซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 67.10 ดอลลาร์ หรือ 2.11% ปิดที่ 3,244.60 ดอลลาร์/ออนซ์
จีนเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% ในวันศุกร์ ซึ่งทำให้สถานการณ์การเผชิญหน้าระหว่างสองเศรษฐกิจใหญ่ของโลกยิ่งตึงเครียด
ส่วนดัชนีดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ทำให้ราคาทองคำซึ่งซื้อขายด้วยดอลลาร์สหรัฐฯ มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ
แรงหนุนต่อราคาทองคำในปีนี้ยังมาจากการเข้าซื้อของธนาคารกลางต่าง ๆ ความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ย, ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และการไหลเข้าของเงินลงทุนในกองทุนทองคำ ETF
แม้ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ในมี.ค.ลดลงเกินคาด 0.4% แต่การขึ้นภาษีนำเข้าอาจทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นในช่วงเดือนต่อ ๆ ไป
ขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนมิ.ย. และจะลดดอกเบี้ยรวมประมาณ 0.90% ภายในสิ้นปี 2568
ทองคำซึ่งไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยมักได้รับความนิยมในช่วงที่ดอกเบี้ยต่ำและมีความไม่แน่นอนทั่วโลก โดยถือเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความไม่แน่นอน