สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปรับตัวลดลงเล็กน้อยในวันจันทร์ (14 เม.ย.) ลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหน้านั้น โดยนักลงทุนบางส่วนได้ขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสหรัฐฯ ประกาศยกเว้นภาษีตอบโต้สินค้าบางประเภท เช่น สมาร์ตโฟนและคอมพิวเตอร์
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 18.3 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 3,226.30 ดอลลาร์/ออนซ์
นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ยกเว้นภาษีนำเข้าสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นั้น ทำให้นักลงทุนกล้าลงทุนเสี่ยงมากขึ้น ส่งผลให้ราคาทองปรับตัวลงบางส่วนจากแรงขายทำกำไร และบางส่วนขายทองคำเพื่อนำเงินไปลงทุนที่มีความเสี่ยงมากกว่า เช่น หุ้น
ทองคำมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และด้านเศรษฐกิจ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำเนียบขาวประกาศยกเว้นภาษีสำหรับสมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางรายการจากจีน อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะประกาศอัตราภาษีนำเข้าชิปเซมิคอนดักเตอร์ภายในสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์ระบุเสริมว่า การปรับตัวลงของราคาทองคำอาจเป็นเพียงชั่วคราว เนื่องจากข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ-จีนยังดูห่างไกลจากความเป็นจริง และมาตรการภาษีการค้ายังเป็นอุปสรรคอย่างมาก ซึ่งจะยังคงหนุนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
ราคาทองคำยังคงพุ่งแรงต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยเพิ่มขึ้นกว่า 23% แล้วในปีนี้ และทะลุระดับ 3,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยปัจจัยสนับสนุนหลักได้แก่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากแผนภาษีของทรัมป์, การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลาง และกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำ
โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำในช่วงสิ้นปีเป็น 3,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยให้เหตุผลว่าเกิดจากการที่ธนาคารกลางต่าง ๆ มีความต้องการทองคำที่สูงเกินคาด และความเสี่ยงด้านภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้มีเงินทุนไหลเข้า ETF ทองคำมากขึ้น