จี้หมิง โซว รองประธานและนักวิเคราะห์อาวุโสของมูดีส์ เปิดเผยว่า การชะลอตัวของการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบกับกิจกรรมภาคการผลิตที่อ่อนแรงลงนั้น จะทำให้ความต้องการเหล็กกล้าในตลาดจีนปรับตัวลดลง ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล็กกล้ามีผลกำไรลดลง จนบีบให้บริษัทเล็กๆต้องออกจากตลาดไป
นักวิเคราะห์ของมูดีส์ยังกล่าวด้วยว่า "ความต้องการที่ชะลอตัวลงนั้นกำลังทำให้ภาวะอุปทานส่วนเกินย่ำแย่ลงขึ้นอีก และทำให้ราคาเหล็กกล้าจีนร่วงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์"
สมาคมเหล็กและเหล็กกล้าจีน (CISA) รายงานว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทเหล็กกล้าขนาดใหญ่และกลางต่างประสบกับภาวะขาดทุนจากที่ปีก่อนหน้ามีกำไร
ทั้งนี้ มูดีส์ คาดการณ์ว่า ความต้องการเหล็กกล้าในจีนจะปรับตัวลดลง 5% เทียบรายปีในช่วง 12 เดือนข้างหน้า พร้อมคาดว่าจะมีปริมาณยอดขายลดลง 3-4%
นอกจากนี้ มูดีส์ยังคาดว่า ในอีกปีสองปีข้างหน้า จะมีการปรับลดกำลังผลิตและปรับโครงสร้างการผลิตเหล็กกล้ามากขึ้น เมื่อพิจารณาจากสภาวะทางธุรกิจที่อ่อนแรงลง
บริษัทเหล็กกล้าเอกชนขนาดเล็กอาจต้องออกจากตลาดเนื่องจากขาดทรัพยากรในการรองรับการขาดทุนและต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมที่ปรับตัวขึ้นสูง ขณะที่บริษัทชั้นแนวหน้าอย่างเป๋าสตีล น่าจะมีส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นเนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งและมีการขยายกำลังผลิต
คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) เปิดเผยว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ จีนมีการผลิตเหล็กกล้าดิบลดลง 2.2% เทียบรายปี แตะ 675.1 ล้านตัน
ตัวเลขดังกล่าวได้รับการเปิดเผยท่ามกลางข้อมูลบ่งชี้การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ โดยจีดีพีของจีนนั้นขยายตัวเพียง 6.9% ในไตรมาสสามของปีนี้ ซึ่งเป็นไตรมาสที่ขยายตัวน้อยที่สุดในรอบ 6 ปี สำนักข่าวซินหัวรายงาน