สัญญาทองแดงตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) เนื่องจากได้รับแรงกดดันหลังสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สัญญาทองแดงตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค. ปรับตัวลดลง 0.4 เซนต์ ปิดที่ 2.6005 ดอลลาร์/ปอนด์
ดอลลาร์สหรัฐยังคงได้รับแรงหนุนหลังจากหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 0.50-0.75%
สัญญาทองแดงได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ โดยดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งซื้อขายด้วยดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงสัญญาทองแดงตลาดนิวยอร์กมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่น จึงทำให้ความต้องการสัญญาทองแดงลดน้อยลง
อย่างไรก็ดี ทองแดงนิวยอร์กปรับตัวลดลงไม่มากนัก เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านพุ่งขึ้น 7 จุด แตะระดับ 70 จุดในเดือนธ.ค. ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2548 โดยดัชนีความเชื่อมั่นไม่เคยพุ่งขึ้น 7 จุดภายในเดือนเดียวในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทองแดงเป็นที่นิยมใช้กันในการก่อสร้าง ดังนั้นตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์จึงมีอิทธิพลต่อตลาดทองแดง
นอกจากนี้ บริษัทไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 54.2 ในเดือนธ.ค. ซึ่งสูงกว่าระดับ 54.1 ในเดือนพ.ย. โดยไอเอชเอส มาร์กิต ระบุว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตได้ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 ในเดือนธ.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงการดีดตัวขึ้นอย่างยั่งยืนจากภาวะอ่อนตัวในไตรมาส 2 ของปีนี้