สัญญาทองแดงตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในสัปดาห์หน้า ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐอาจก่อให้เกิดสงครามการค้า
อย่างไรก็ดี ราคาทองแดงปรับตัวลงไม่มากนัก เนื่องจากยังพอได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐอันเป็นผลจากข่าวเดียวกันนี้ ขณะเดียวกัน สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เผยดัชนีภาคการผลิตสหรัฐปรับตัวดีกว่าคาดในเดือนก.พ.
สัญญาทองแดงตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค. ปรับตัวลง 0.95 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 3.1230 ดอลลาร์/ปอนด์
การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ถือเป็นปัจจัยบวกสำหรับตลาดทองแดงนิวยอร์ก โดยเมื่อสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจะทำให้สัญญาทองแดงที่ซื้อขายด้วยเงินดอลลาร์นี้มีมูลค่าที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
นักลงทุนเกิดความวิตก หลังปธน.ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% ในสัปดาห์หน้า โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวของทรัมป์อาจส่งผลให้เกิดสงครามทางการค้า และจะกลับมาสร้างความเสียหายต่อผู้ผลิตของสหรัฐเอง เนื่องจากบริษัทสหรัฐจะต้องเผชิญกับการตอบโต้จากบริษัทคู่แข่งต่างชาติ นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวจะผลักดันให้ราคาสินค้าและการบริการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภคของสหรัฐ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีอิทธิพลต่อการซื้อขายเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM พุ่งขึ้นสู่ระดับ 60.8 ในเดือนก.พ. จากระดับ 59.1 ในเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 58.7
ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะขยายตัวของภาคการผลิต และเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 18