สัญญาทองแดงตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (17 มิ.ย.) โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สัญญาทองแดงตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 20.7 เซนต์ หรือ 4.7% ปิดที่ 4.1780 ดอลลาร์/ปอนด์
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน ส่งผลให้สัญญาทองแดงมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่นๆ
ทั้งนี้ เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าคาดการณ์เดิมถึง 1 ปี และเฟดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2566
นอกจากนี้ ราคาทองแดงยังได้รับผลกระทบจากการที่จีนดำเนินมาตรการระบายสต็อกโลหะเพื่อสกัดราคาที่พุ่งขึ้นในประเทศ
คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) แถลงเมื่อวานนี้ว่า จีนจะยังคงทำการระบายสต็อกโลหะภาคอุตสาหกรรม ซึ่งได้แก่ ทองแดง อะลูมิเนียม และสังกะสี จากคลังสำรองแห่งชาติต่อไป เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และเพื่อลดต้นทุนสำหรับบริษัทต่างๆ
NDRC เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมการฯจะทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นในการระบายสต็อกโลหะที่ไม่มีเหล็กเป็นส่วนประกอบ (nonferrous metal) ออกจากคลังสำรองตามความจำเป็น เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาในตลาด และป้องกันมิให้ราคาที่พุ่งขึ้นส่งผลกระทบต่อประชาชน
NDRC ระบุว่า ทางคณะกรรมการฯจะทำการจับตาตลาด และการเปลี่ยนแปลงของราคา ขณะที่รักษาสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน รวมทั้งคุมเข้มการตรวจสอบตลาดสปอตและฟิวเจอร์ส
แถลงการณ์ของ NDRC มีขึ้น หลังจากที่สำนักงานบริหารคลังสำรองยุทธศาสตร์และอาหารแห่งชาติจีน (NFSRA) ประกาศวานนี้ว่า NFSRA เตรียมระบายสต็อกโลหะภาคอุตสาหกรรมจากคลังสำรองแห่งชาติ เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ทั้งนี้ NFSRA เตรียมระบายสต็อกโลหะ ซึ่งได้แก่ ทองแดง อะลูมิเนียม และสังกะสี ให้แก่บริษัทในภาคการผลิต รวมทั้งวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ผ่านทางการประมูล ซึ่งถือเป็นการดำเนินการครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
มาตรการดังกล่าวมีขึ้น หลังจากราคาโลหะในจีนได้พุ่งขึ้นในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากสภาพคล่องในตลาดโลก และแรงซื้อเก็งกำไร รวมทั้งการที่เศรษฐกิจได้ฟื้นตัวขึ้น หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ครั้งล่าสุดที่จีนได้ระบายสต็อกโลหะออกสู่ตลาดเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาได้เกิดขึ้นในเดือนพ.ย. 2553 แต่ในครั้งนั้นไม่ได้รวมถึงทองแดง