สำนักข่าวอีไฉ (Yicai) รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวเมื่อวานนี้ (26 ก.พ.) ว่า รัฐบาลกลางจีนได้ส่งคณะทำงานเข้าตรวจสอบการทำเหมืองที่ผิดกฎหมายในเมืองอี๋ชุน ทางตอนใต้ของมณฑลเจียงซี ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองหลวงการผลิตลิเธียมของเอเชีย
รายงานระบุว่า การตรวจสอบมีขึ้นท่ามกลางการปิดปรับปรุงเหมืองของกลุ่มผู้ผลิตลิเธียมในเมืองอี๋ชุน หลังจากที่รัฐบาลเมืองอี๋ชุนประกาศเมื่อวันศุกร์ (24 ก.พ.) ว่ากำลังปราบปรามกิจกรรมทางอาญาในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ลิเธียม เช่น การทำเหมืองที่ไม่มีใบอนุญาตและทำลายสิ่งแวดล้อม
ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ระบุว่า เมืองอี๋ชุนมีลิเธียมออกไซด์สำรอง 1.1 ล้านตัน และคิดเป็น 12% ของผลผลิตทั่วโลก
นักวิเคราะห์ด้านลิเธียมรายหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวอีไฉว่า อุตสาหกรรมคาดการณ์ในเชิงบวกว่าการปิดเหมืองจะกินเวลาประมาณ 1 เดือน
ปัจจุบัน เมืองอี๋ชุนผลิตลิเธียมคาร์บอเนตได้ระหว่าง 10,000-12,000 ตันต่อเดือน นักวิเคราะห์คนเดิมกล่าวว่า หากการผลิตถูกระงับเป็นเวลา 1 เดือน ขนาดของผลกระทบที่ได้รับอาจคิดเป็นประมาณ 10% ของตลาดโลก
ทั้งนี้ แบตเตอรี่ลิเธียมเป็นส่วนประกอบสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริโภคที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมต่างเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า ท่ามกลางราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น
ปริมาณลิเธียมสำรองที่มีมากมายของเมืองอี๋ชุนทำให้อุตสาหกรรมเหมืองแร่ของเมืองขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งนำรายได้ภาษีจำนวนมากมาสู่รัฐบาลท้องถิ่น
อนึ่ง แคทแอล (CATL) ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ที่สุดของโลก เป็นหนึ่งในเครือบริษัทของจีนที่เป็นเจ้าของสินทรัพย์ในเมืองอี๋ชุน
เมื่อเดือนธ.ค. ที่ผ่านมา บริษัทหลายแห่งในอุตสาหกรรมลิเธียมของเมืองหยุดการผลิต หลังรัฐบาลท้องถิ่นเข้าตรวจสอบคุณภาพน้ำในแม่น้ำที่จ่ายให้กับผู้อยู่อาศัย