สัญญาทองแดงตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (11 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มคำนึงถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี
สัญญาทองแดงตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.4 เซนต์ หรือ +1.07% ปิดที่ 4.142 ดอลลาร์/ปอนด์
หากเฟดลดอัตราดอกเบี้ยจริง ก็จะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการซื้อสินค้า ในขณะเดียวกันก็จะทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง ส่งผลให้สัญญาทองแดงซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีราคาถูกลงและมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%
ข้อมูลเงินเฟ้อดังกล่าวมีแนวโน้มจะเปิดทางให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า แต่นักลงทุนลดความคาดหวังที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.50%
ทอม ไพรซ์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Panmure Liberum คาดการณ์ว่า ราคาโลหะพื้นฐานและทองคำน่าจะยังคงได้รับแรงหนุนไปจนถึงวันที่ 18 ก.ย. ซึ่งเป็นวันที่เฟดจะประกาศการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย
นักเศรษฐศาสตร์ในโพลของสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันพุธชี้ว่า ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งละ 0.25% ในการประชุมกำหนดนโยบาย 3 ครั้งที่เหลือของปี 2567
ความต้องการทองแดงจากจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าทองแดงรายใหญ่ที่สุดของโลก ชะลอตัวลงในเดือนส.ค. โดยข้อมูลศุลกากรที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (10 ก.ย.) ระบุว่า จีนนำเข้าทองแดง 415,000 ตันในเดือนส.ค. ลดลง 12.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นักวิเคราะห์ของธนาคาร ANZ ของออสเตรเลียกล่าวว่า ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มสินค้าโภคภัณฑ์ในจีนถูกสั่นคลอนอย่างหนัก จากการเทขายหุ้นในตลาดหุ้นจีนที่รุนแรงขึ้น ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นจีนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน