กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เพิ่มภาษีนำเข้าเหล็กจากบริษัทนิปปอน สตีล (Nippon Steel) ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของญี่ปุ่น ขณะที่บริษัทเพิ่งให้คำมั่นว่าจะไม่นำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ เพื่อหวังได้รับไฟเขียวในการเข้าซื้อกิจการยูเอส สตีล (US Steel) มูลค่า 1.41 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ผลการตัดสินเบื้องต้นเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่เผยแพร่ในระบบทะเบียนของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดที่ระดับ 29% กับนิปปอน สตีลสำหรับการขายเหล็กรีดร้อนในสหรัฐฯ ต่ำกว่าราคาปกติในช่วงต.ค. 2565 - ก.ย. 2566 โดยคำตัดสินนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาทบทวนคดีทุ่มตลาดประจำปีของกระทรวงฯ ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี 2559 หลังผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ 4 รายของสหรัฐฯ ร่วมกันยื่นคำร้องเป็นครั้งแรก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การเปิดเผยเรื่องขึ้นภาษีนี้มีขึ้นวันเดียวกันกับที่นิปปอน สตีล ให้คำมั่นกับสหภาพแรงงานของยูเอส สตีลว่า จะไม่นำเข้าแท่งเหล็กจากโรงงานของบริษัทในต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเงื่อนไขในการเข้าซื้อกิจการยูเอส สตีล
หากการขึ้นภาษีครั้งใหม่นี้ได้รับไฟเขียวในการตัดสินขั้นสุดท้าย ก็จะส่งผลกระทบต่อนิปปอน สตีลอย่างมาก เนื่องจากจะเป็นการเพิ่มการเก็บภาษีเหล็กรีดร้อนของนิปปอน สตีล จากเดิมซึ่งอยู่ที่เพียง 1.39%
ทั้งนี้ ราคาเหล็กรีดร้อนถือเป็นมาตรฐานอ้างอิงของอุตสาหกรรมเหล็กทั่วโลก และเป็นผลิตภัณฑ์โลหะผสมที่มีการผลิตมากที่สุด ซึ่งถูกนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงสะพาน