ฝนมรสุมที่ตกหนักในประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางอันดับ 1 ของโลก และความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่นในจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางอันดับ 5 ของโลกนั้น ทำให้ผลผลิตยางลดลง ส่งผลให้มีการคาดการณ์แนวโน้มการผลิตลดลง และดันราคายางพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี
นักวิเคราะห์และผู้ค้าประมาณการว่า ผลผลิตยางธรรมชาติซึ่งส่วนใหญ่ผลิตในเอเชียนั้นจะลดลงมากถึง 4.5% ในปี 2567 มาอยู่ที่ราว 14 ล้านตัน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การคาดการณ์ผลผลิตที่ลดลงทำให้ราคายางพุ่งขึ้นมากกว่า 50% แล้วในปีนี้ และทำให้ยางเป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวได้ดีที่สุดในปี 2567 โดยสัญญายางมาตรฐานในตลาดโอซากาทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปีที่ 419.7 เยน (2.81 ดอลลาร์) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ข้อมูลจากเฮลิกซ์แท็ป เทคโนโลยีส์ (Helixtap Technologies) ระบุว่า ราคายางในตลาดส่งมอบทันทีปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดล่วงหน้า โดยยางแท่งเกรดส่งออกมาตรฐานของประเทศไทยปรับตัวขึ้นมากกว่า 31% แล้วนับตั้งแต่ต้นปี
ฟาราห์ มิลเลอร์ ผู้ก่อตั้งบริษัทเฮลิกซ์แท็ปในสิงคโปร์ ซึ่งให้บริการข้อมูลด้านยางพารา กล่าวว่า ผลผลิตยางในประเทศไทยซึ่งคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของการผลิตยางพาราทั่วโลกนั้น คาดว่าจะลดลงประมาณ 10%-15%
จอม เจคอบ หัวหน้านักวิเคราะห์ของวอตเน็กซ์ รับเบอร์ (WhatNext Rubber) ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ด้านยางพาราของอินเดีย ระบุว่า ฤดูการเก็บเกี่ยวสูงสุดของปีนี้ได้ถูกกระทบจากน้ำท่วมและฝนที่ตกลงมามากเกินไป โดยต้นยางอาจได้รับความเสียหายจากโรคใบร่วง
เจคอบประมาณการว่า การผลิตยางทั่วโลกในปีนี้อาจต่ำกว่าความต้องการบริโภคอยู่ประมาณ 1.2 ล้านตัน