สมาคมสหกรณ์การเกษตรและสมาพันธ์การเกษตรแห่งชาติของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า จากการลงนามในสัญญาโครงการเขตการค้าเสรีแปซิฟิก ซึ่งจะทำให้การส่งออกข้าวของเกษตรกรชาวญี่ปุ่นต้องรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงจากต่างประเทศนั้น ทางสมาคมฯ จึงวางแผนให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวสามารถผลิตสินค้าได้ในราคาที่ถูกลงกว่าแบรนด์อื่นๆ ที่มีอยู่ตามท้องตลาดเพื่อส่งเสริมการส่งออก
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมข้าวหลายรายออกความเห็นว่า ข้าวญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ ทว่าราคาที่สูงก็กีดกันการขยายตัวของการส่งออกอย่างมีนัยสำคัญ
จากสัญญาณที่บ่งชี้ว่าตลาดข้าวในประเทศกำลังปรับตัวลง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากจำนวนประชากรที่ลดลงและการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยของญี่ปุ่นนั้น ทางสมาคมฯ ตั้งเป้าที่จะรักษาระดับการเจริญเติบโตด้วยการแข่งขันกับข้าวสายพันธุ์ต่างชาติในตลาดต่างประเทศ
สำหรับแผนที่ทางสมาคมฯ จะดำเนินการนั้นคือการกำหนดให้บางพื้นที่ของประเทศปลูกข้าวในต้นทุนที่ต่ำลงด้วยการลดค่าใช้จ่าย และเน้นสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงพร้อมกันในคราวเดียว
ทั้งนี้ ทางสมาคมฯ ตั้งเป้าที่จะเพิ่มการส่งออกข้าวประจำปีไว้ให้สูงขึ้นมากกว่า 6 เท่า แตะที่ 10,000 ตัน ภายใน 3 ปีนับจากนี้
ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ อีก 11 ประเทศ รวมถึงอเมริกา ลงนามในสัญญาโครงการเขตการค้าเสรีแปซิฟิกไปเมื่อเดือน ก.พ.
ข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายใน 60 วัน หลังจากทั้ง 12 ประเทศให้สัตยาบัน หากภายใน 2 ปี การให้สัตยาบันยังไม่สมบูรณ์ครบ 12 ประเทศ สัญญาดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายใน 60 วันหลังจากมีการให้สัตยาบันจำนวนอย่างน้อยกึ่งหนึ่ง โดยมีเงื่อนไขว่าจีดีพีโดยรวมต้องไม่ต่ำกว่า 85% ของจีดีพีรวมทั้ง 12 ประเทศ