ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อศุกร์ (23 ก.ย.) สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรปรับตัวลดลง หลังจากกระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) รายงานว่าเกษตรกรสหรัฐได้นำผลผลิตจำนวนมากออกมาจำหน่ายในตลาดสปอต
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 0.25 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 3.365 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 0.75 เซนต์ หรือ 0.18% ปิดที่ 4.0475 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 21.5 เซนต์ หรือ 2.2% ปิดที่ 9.55 ดอลลาร์/บุชเชล
ถั่วเหลืองร่วงลงมากกว่า 2% หลังมีรายงานว่า เกษตรกรในเขตมิดเวสต์ได้ผลผลิตในปริมาณที่สูงเกินคาดในช่วงฤดูกาล โดยก่อนหน้านี้ USDA ประเมินว่า ผลผลิตถั่วเหลืองจะอยู่ที่ 50.6 บุชเชลต่อเอเคอร์ ซึ่งสูงกว่า 48 บุชเชลต่อเอเคอร์ในปีที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า เกษตรกรซึ่งอยู่ระหว่างฤดูกาลเก็บเกี่ยวกำลังได้ผลผลิตที่สูงกว่าการคาดการณ์ ส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดว่า USDA อาจจะปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ผลผลิตเป็น 52 บุชเชลต่อเอเคอร์ในเดือนหน้า รวมทั้งปรับปริมาณยอดสต็อกเพิ่มขึ้นอีก
เทรดเดอร์กล่าวว่า ข้าวสาลีได้รับแรงกดดันจากอุปทานจำนวนมากในตลาดโลก หลังจากที่รัฐบาลอินเดียได้ปรับลดภาษีการส่งออกข้าวสาลีลง
ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียได้ปรับลดภาษีส่งออกข้าวสาลีลงสู่ระดับ 10% จาก 25% ซึ่งเป็นความพยายามในการปรับลดอัตราเงินเฟ้อจากราคาอาหาร
ผลผลิตข้าวสาลีในอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตรายใหญ่อันดับสองของโลก ได้ปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในปี 2557/2558 มาอยู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบทศวรรษและส่งผลให้ราคาภายในประเทศพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ดี เทรดเดอร์กล่าวว่า การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอุปทานจำนวนมากในตลาดโลกมีแนวโน้มที่จะจำกัดอุปสงค์ในข้าวสาลีของสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้ราคาปรับตัวลดลง
สัญญาข้าวโพดปรับตัวลดลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากแรงช้อนซื้อทางเทคนิคหลังจากราคาแตะที่ระดับเฉลี่ยในรอบ 40 วัน ในขณะที่ข้าวโพดก็กำลังอยู่ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดข้าวโพดกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากการใช้ภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดธัญพืชอบแห้งของสหรัฐ โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นผลพลอยได้จากการใช้ข้าวโพดผลิตเอทธานอลที่โรงงานแปรรูปอาหารได้นำมาใช้แทนข้าวโพดและกากถั่วเหลือง