ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนนี้ (6 ต.ค.) สัญญาธัญพืชปรับตัวไร้ทิศทาง โดยสัญญาข้าวโพดปรับตัวลดลง 1.9% เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการที่เกษตรกรในแถบมิดเวสต์ของสหรัฐเก็บเกี่ยวข้าวโพดเป็นวงกว้างมากขึ้น ประกอบกับกระแสคาดการณ์ที่ว่าจะมีผลผลิตอุดมสมบูรณ์ในบราซิล
สัญญาถั่วเหลืองปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากมีความต้องการส่งออกแข็งแกร่ง รวมถึงแรงขายทางเทคนิค ซึ่งชดเชยแนวโน้มอุปทานที่ซบเซา
สัญญาข้าวสาลีสหรัฐปรับตัวลดลงเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากแรงซื้อเก็งกำไรได้บางเบาลง หลังราคาทะยานขึ้นเมื่อวันก่อนหน้า แต่สัญญาข้าวสาลีฤดูใบไม้ผลิที่ตลาด MGEX บางส่วนได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากอุปทานโลกตึงตัวสำหรับข้าวสาลีขัดสีคุณภาพสูง
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวลง 7.14 เซนต์ ปิดที่ 3.405 ดอลลาร์/บุชเชล สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 9.25 เซนต์ หรือ 2.28% ปิดที่ 3.9575 ดอลลาร์/บุชเชล สัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 1.75 เซนต์ หรือ 0.18% ปิดที่ 9.585 ดอลลาร์/บุชเชล
บรรยากาศการซื้อขายซบเซาก่อนรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยรายงานสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ผลผลิตและการผลิต โดยความกังวลดังกล่าวได้รับแรงกดดันขึ้นไปอีกจากการคาดการณ์ที่ว่า เกษตรกรบราซิลกำลังเพาะปลูกข้าวโพดเป็นวงกว้าง ขณะที่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้คาดการณ์ผลผลิตข้าวสาลีสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั่วโลกในปีนี้
FAO เปิดเผยว่า ผลผลิตข้าวสาลีและข้าวน่าจะมีมากจนทำสถิติเป็นปีที่มีผลผลิตมากที่สุด โดยคาดว่าจะมีการผลิตธัญพืชโดยรวมเพิ่มขึ้น 1.5% จากปีก่อนหน้า และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลผลิตข้าวสาลีทั่วโลกเป็น 742.4 ล้านตัน นำโดยสหรัฐ อินเดีย และรัสเซีย สำหรับรัสเซียคาดว่าจะขึ้นแท่นเป็นผู้ส่งออกธัญพืชรายใหญ่ที่สุดแทนสหภาพยุโรป
ขณะเดียวกัน จากการที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าเกือบทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือน ก่อนเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ การส่งออกของสหรัฐจึงมีแนวโน้มไม่สู้ดี แม้ว่าช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาได้มีการทำข้อตกลงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งรวมถึงข้อตกลงขายข้าวสาลีและถั่วเหลืองที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้