ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) สัญญาธัญพืชปรับตัวลดลง โดยสัญญาถั่วเหลืองร่วงลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 6 วัน หลังได้รับแรงกดดันจากการเร่งการเก็บเกี่ยวผลผลิตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติการณ์ของบราซิล และปริมาณน้ำฝนที่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกในอาร์เจนตินา ส่งผลให้ถั่วเหลืองในสหรัฐได้รับแรงกดดันมากขึ้น
ด้านสัญญาข้าวโพดและข้าวสาลีได้ปรับตัวลงเช่นกัน โดยร่วงลงจากจุดสูงสุดในรอบเจ็ดเดือนครึ่ง เนื่องจากขาดปัจจัยชี้นำ แต่ยังคงมีแรงต้านจากการปรับโพสิชั่นของนักลงทุนในช่วงที่สัญญาปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 1.25 เซนต์ หรือ 0.33% ปิดที่ 3.7425 ดอลลาร์/บุชเชล สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 2.75 เซนต์ หรือ 0.61% ปิดที่ 4.495 ดอลลาร์/บุชเชล สัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 9.25 เซนต์ หรือ 0.88% ปิดที่ 10.45 ดอลลาร์/บุชเชล
เจสัน รูซ นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ธัญพืชสหรัฐมองว่า ตลาดธัญพืชยังคงอยู่ในแนวต้าน โดยรูซกล่าวว่า "การเทขายทำกำไรที่ชะงักลงจากการพุ่งขึ้นของค่า OI สภาพอากาศที่ดีขึ้นในอเมริกาใต้ จำนวนอุปทานที่สูงขึ้น และเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า ทำให้นักลงทุนเริ่มหันไปสนใจตลาดอื่นๆ"
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า ฝนที่ตกในอาร์เจนตินาจะทำให้ข้าวโพดและถั่วเหลืองมีปริมาณสูงไปอีกระยะหนึ่ง ขณะที่มีการปรับปริมาณคาดการณ์ของข้าวโพดที่เก็บเกี่ยวได้ในบราซิลให้สูงขึ้นอยู่ที่ 89.6 ล้านตัน ซึ่งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยสาเหตุหลักนั้นมาจากสภาพอากาศที่เป็นใจ
ด้านนักลงทุนกล่าวว่า ผลผลิตที่ไหลออกสู่ตลาดโดยเกษตรกรในสหรัฐเอง ยังเป็นอีกปัจจัยที่ชะลอการพุ่งขึ้นของราคาถั่วเหลือง โดยเกษตรกรได้มีการเร่งระบายถั่วเหลืองล่วงหน้า จำนวนราวครึ่งหนึ่งของปริมาณที่คาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ในปีนี้ และต่างมีความหวังที่จะแซงหน้าปริมาณคาดการณ์ผลผลิตในอเมริกาใต้
อย่างไรก็ตาม สัญญาณส่งออกที่แข็งแกร่งได้ช่วยพยุงราคาธัญพืชไว้ โดยกระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) ได้ออกมารายงานตัวเลขการส่งออกข้าวโพดไปยังญี่ปุ่นในปีงบประมาณ 2560-2561 อยู่ที่ 229,000 ตัน ซึ่งเป็นการรายงานตัวเลขการส่งออกที่แข็งแกร่งติดต่อกันเป็นวันที่สอง สำนักข่าวซินหัวรายงาน