นายหม่า ซิ่วเฉียง รัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรมการเพาะปลูกและสินค้าโภคภัณฑ์ของมาเลเซีย เปิดเผยว่า มาเลเซียจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมปาล์มของประเทศ หลังจากที่สหภาพยุโรป (EU) มีมติห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ
นายหม่าระบุในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลมาเลเซียมองคำสั่งห้ามดังกล่าวว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้และเป็นมาตรการกีดกันการค้า อีกทั้งยังขัดต่อข้อผูกพันของ EU ในองค์การการค้าโลก (WTO)
"เราจะไม่ลังเลที่จะดำเนินการแก้ไข มติของรัฐสภายุโรปในการกีดกันเชื้อเพลิงชีวภาพจากน้ำมันปาล์มจะส่งผลเสียต่อการค้าและความร่วมมือของยุโรปในมาเลเซีย รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในวงกว้าง"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐสภายุโรปมีมติห้ามใช้เชื้อเพลิงชีวภาพที่ผลิตจากน้ำมันพืช ซึ่งรวมถึงน้ำมันปาล์ม ภายในปี 2563 และจะมีการสรุปรายละเอียดโดยที่ประชุมระหว่างผู้แทนรัฐสภายุโรป รัฐสมาชิก และคณะกรรมาธิการยุโรป
นายหม่ากล่าวว่า "เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลต่าง ๆ ของยุโรป และคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป ปฏิเสธจุดยืนของรัฐสภายุโรปที่มีต่อเชื้อเพลิงชีวภาพจากน้ำมันปาล์ม"
"การกีดขวางของรัฐสภายุโรปจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของคณะมนตรี EU ในการสร้างงานในยุโรป รวมไปถึงการขยายข้อตกลงการค้าทวิภาคี ตลอดจนผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์อื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" รัฐมนตรีมาเลเซียกล่าว
มาเลเซียและอินโดนีเซียเป็นสองประเทศผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เกษตรชาวมาเลเซียหลายร้อยรายได้ออกมาปิดถนนประท้วงต่อต้านมติดังกล่าวของ EU ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่า เกษตรกรสวนปาล์มมาเลเซีย 650,000 รายจะได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้