ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อวันศุกร์ (31 ส.ค.) สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ปิดพุ่งขึ้นทั้งกระดาน ขณะที่สัญญาข้าวสาลีทะยานขึ้นเกือบ 2% โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า การผลิตข้าวสาลีในรัสเซียจะปรับตัวลดลง รวมทั้งรายงานสภาพอากาศที่แปรปรวนในพื้นที่เพาะปลูกข้าวสาลีของสหรัฐ ขณะที่สัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองปิดตลาดปรับตัวขึ้นตามทิศทางข้าวสาลี
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.65 เซนต์ หรือ 2.38% ปิดที่ 3.65 ดอลลาร์/บุชเชล สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 10.5 เซนต์ หรือ 1.96% ปิดที่ 5.455 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ หรือ 1.44% ปิดที่ระดับ 8.435 ดอลลาร์/บุชเชล
สัญญาข้าวสาลีปิดตลาดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ หลังจาก IKAR ซึ่งเป็นบริษัทให้คำปรึกษาด้านพืชผลการเกษตรของรัสเซีย ได้ปรับลดคาดการณ์ผลผลิตข้าวสาลีภายในประเทศ ลงสู่ระดับ 69.6 ล้านตัน จากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 70.8 ล้านตัน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า แม้รัฐบาลรัสเซียได้ปฏิเสธรายงานข่าวเกี่ยวกับการจำกัดการส่งออกข้าวสาลี แต่ตลาดข้าวสาลีอาจได้รับผลกระทบอย่างหนักหากเกิดภาวะชะงักงันด้านการส่งออกหรือการผลิตข้าวสาลีในรัสเซีย
ส่วนความเคลื่อนไหวในสหรัฐนั้น กลุ่มผู้ส่งออกภาคเอกชนได้รายงานต่อกระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ยอดส่งออกข้าวโพดที่ส่งมอบให้กับประเทศที่ไม่มีการเปิดเผยจุดหมายปลายทางในปีการตลาด 2561/2562 อยู่ที่ระดับ 273,800 ตัน ขณะที่ยอดส่งออกถั่วเหลืองอยู่ที่ 250,000 ตัน
ทั้งนี้ ปีการตลาดสำหรับข้าวโพดและถั่วเหลืองได้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 1 ก.ย.2561
นอกจากนี้ รายงานสภาพอากาศยังเป็นอีกปัจจัยที่มีผลต่อภาวะการซื้อขายในตลาด CBOT เมื่อวันศุกร์ โดยสำนักงานบริการข้อมูลสภาพอากาศแห่งชาติของสหรัฐ (NWS) รายงานว่า พื้นที่เพาะปลูกในรัฐไอโอวา มินเนโซตา และวิสคอนซิน ได้เผชิญกับสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างหนักในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา