ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) สัญญาธัญพืชปิดร่วงลงทั้งกระดาน โดยได้รับแรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของอุปทานในสหรัฐ ประกอบกับการคาดการณ์สต็อกธัญพืชในช่วงปลายปี ซึ่งส่งผลให้สัญญาข้าวโพดดิ่งลงเกือบ 6%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 25 เซนต์ หรือ 5.98% ปิดที่ 3.9275 ดอลลาร์/บุชเชล สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 27.75 เซนต์ หรือ 5.56% ปิดที่ 4.7175 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 12.5 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 8.7925 ดอลลาร์/บุชเชล
สัญญาธัญพืชปรับตัวลดลง หลังจากที่กระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) เปิดเผยรายงานประมาณการอุปสงค์และอุปทานเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ภาพรวมข้าวโพดประจำปี 2562/63 มีแนวโน้มที่อุปทานจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการส่งออกลดลง และข้าวโพดจะถูกนำไปใช้ในการผลิตเอทานอล ซึ่งจะส่งผลให้สต็อกข้าวโพดปลายปีปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
USDA คาดการณ์ว่า ปัจจุบันสหรัฐมีการผลิตข้าวโพดอยู่ที่ 1.39 หมื่นล้านบุชเชล ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลขประมาณการของเดือนก.ค.ราว 26 ล้านบุชเชล โดยให้เหตุผลว่า แม้จะมีพื้นที่เพาะปลูกลดลงแต่ก็ถูกชดเชยด้วยประมาณผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ภาพรวมของข้าวสาลีประจำปี 2562/63 พบว่า เดือนนี้มีการผลิตข้าวสาลีเพิ่มขึ้น และมีข้าวสาลีอยู่ในสต็อกปลายปีเพิ่มมากขึ้น ข้าวสาลีของสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้น 59 ล้านบุชเชล แตะที่ 1,980 ล้านบุชเชล เนื่องจากมีการเพาะปลูกข้าวสาลีพันธุ์ฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิตเพิ่มมากขึ้น
ในส่วนของถั่วเหลือง คาดว่าจะมีการผลิตประจำปี 2562/63 อยู่ที่ 3.68 พันล้านบุชเชล ลดลง 165 ล้านบุชเชล เนื่องจากมีการเพาะปลูกน้อยลง โดย USDA คาดว่าพื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองในปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 75.9 ล้านเอเคอร์ ลดลง 3.4 ล้านเอเคอร์จากตัวเลขประมาณการของเดือนมิ.ย.
ผู้สังเกตการณ์ในตลาดระบุว่า นอกจากรายงานดังกล่าวจะส่งผลให้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าถั่วเหลืองและข้าวสาลีในตลาด CBOT ร่วงลงอย่างหนักในการซื้อขายเมื่อคืนนี้แล้ว สัญญาถั่วเหลืองยังถูกกดดันจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้ซื้อถั่วเหลืองรายใหญ่ของโลก แม้คาดว่าจะมีการผลิตถั่วเหลืองลดลงก็ตาม
USDA คาดว่า สหรัฐอาจส่งออกถั่วเหลืองลดลง 100 ล้านบุชเชล เหลือเพียง 1.78 พันล้านบุชเชล เนื่องจากตลาดโลกมีความต้องการนำเข้าถั่วเหลืองลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน