ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนนี้ (12 พ.ค.) สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรปิดตลาดไร้ทิศทาง โดยสัญญาข้าวโพดปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนสัญญาข้าวสาลีและถั่วเหลืองปรับตัวลดลง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 3.75 เซนต์ หรือ 1.18% ปิดที่ 3.2225 ดอลลาร์/บุชเชล สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 2.75 เซนต์ หรือ 0.53% ปิดที่ 5.145 ดอลลาร์/บุชเชล ส่วนสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.35% ปิดที่ 8.52 ดอลลาร์/บุชเชล
รายงานคาดการณ์อุปสงค์และอุปทานสินค้าเกษตรโลก (WASDE) ประจำเดือนพ.ค. จากกระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) ได้ประเมินจำนวนข้าวโพดในสต็อกปี 2563/2564 ของสหรัฐไว้ที่ 3,300 ล้านบุชเชล ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดในรอบกว่า 3 ทศวรรษ หลังมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการเอทานอลลดลง ส่วนข้าวสาลีสหรัฐคาดว่ามีสต็อกอยู่ที่ 909 ล้านบุชเชล และถั่วเหลือง 405 ล้านบุชเชล
รายงาน WASDE ยังประเมินจำนวนข้าวสาลีในสต็อกปี 2563/2564 ทั่วโลกทำสถิติสูงสุดที่ 310 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 15 ล้านตัน ส่วนสต็อกข้าวโพดทั่วโลกอยู่ที่ 340 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 25 ล้านตัน และถั่วเหลืองอยู่ที่ 98.4 ล้านตัน ลดลงเกือบ 2 ล้านตัน
ด้านการผลิตข้าวสาลีทั่วโลกในปี 2563/2564 คาดว่าจะทำสถิติที่ 768 ล้านตัน ในจำนวนนี้มาจากรัสเซีย 77 ล้านตัน ยูเครน 28 ล้านตัน และยุโรป 143 ล้านตัน ส่วนจีนน่าจะมีผลผลิตข้าวสาลีทำสถิติเป็นประวัติการณ์ที่ 135 ล้านตัน และสหรัฐน่าจะมีผลผลิตข้าวโพดปี 2563/2564 ทำสถิติที่ 15,995 ล้านบุชเชล
สภาวิจัยการเกษตรได้แสดงความกังวลว่า รายงานดังกล่าวประเมินในทางที่ดีเกินไป ในช่วงเวลาที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เข้ามากดดันวงการสาธารณสุขโลก และทำให้เศรษฐกิจซบเซา โดยกระทรวงเกษตรสหรัฐเปิดเผยว่า รายงาน WASDE จะทำการลดอุปสงค์แบบเดือนต่อเดือน เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสจะสิ้นสุดลงเมื่อใด
ในขณะเดียวกัน สำนักงานสถิติการเกษตรในสังกัดกระทรวงเกษตรสหรัฐ เปิดเผยว่า ข้าวโพดและถั่วเหลืองมีการหว่านเมล็ดไปแล้ว 67% และ 38% ตามลำดับ ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วทั้งคู่ ส่วนข้าวสาลีฤดูใบไม้ผลิของสหรัฐหว่านเมล็ดไปแล้ว 42% ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยที่ผ่านมา