ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนนี้ (19 พ.ค.) สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรปิดตลาดไร้ทิศทาง โดยสัญญาข้าวโพดและข้าวสาลีปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่สัญญาถั่วเหลืองปรับตัวลดลง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 0.5 เซนต์ หรือ 0.16% ปิดที่ 3.2125 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.75 เซนต์ หรือ 0.35% ปิดที่ 4.9875 ดอลลาร์/บุชเชล ส่วนสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 2.5 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 8.425 ดอลลาร์/บุชเชล
โบรกเกอร์ในตลาด CBOT เปิดเผยว่า กลุ่มกองทุนได้ซื้อสัญญาข้าวสาลีไป 2,200 ฉบับ และสัญญาข้าวโพด 7,700 ฉบับ ขณะที่ขายสัญญาถั่วเหลืองไป 2,900 ฉบับ
สัญญาข้าวโพดปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องด้วยแรงซื้อชดเชยการทำชอร์ต โดยกระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) ได้มีการปรับตัวเลขการบดข้าวโพดเพื่อการผลิตเอทานอลตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงเป็นรายเดือนอันเป็นผลจากการสั่งปิดเมืองควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ไม่มีคนใช้รถ ขณะที่ AgResource ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านการเกษตรในชิคาโก คาดการณ์ว่า ยอดการใช้ข้าวโพดผลิตเอทานอลในปี 2562/2563 ของสหรัฐนั้นจะปรับตัวลดลงอีก
รายงานข่าวระบุว่า ปกติแล้วจีนเริ่มประมูลขายข้าวโพดในคลังของรัฐที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในทุกฤดูใบไม้ผลิ เพื่ออุดช่องว่างระหว่างปริมาณผลผลิตในตลาดและผลผลิตใหม่ และช่วยสนับสนุนเกษตรกรจีน โดยขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า การประมูลขายดังกล่าวจะกระทบต่อการนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐหรือใหม่
ส่วนตลาดถั่วเหลืองยังรอดูสัญญาณความต้องการถั่วเหลืองจากจีน
สำนักงานสถิติการเกษตรของสหรัฐ (NASS) ในสังกัดกระทรวงเกษตร เปิดเผยว่า เกษตรกรสหรัฐได้หว่านเมล็ดข้าวโพดรอบปี 2563 ไปแล้ว 80% มากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 44% และยังมากกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 71% โดยมีข้าวโพดงอกแล้วราว 43% ส่วนถั่วเหลืองมีการหว่านเมล็ดไปแล้ว 53% มากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 16% และยังมากกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 38% สำหรับข้าวสาลีฤดูใบไม้ผลิมีการหว่านเมล็ดไปแล้วเพียง 60% น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 63% และยังน้อยกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 80%