ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันศุกร์ (11 มี.ค.) สัญญาข้าวโพดและข้าวสาลีปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนจะส่งผลกระทบต่ออุปทานข้าวโพดและข้าวสาลีในภูมิภาคทะเลดำ และจะเป็นปัจจัยหนุนราคาธัญพืชทั้งสองชนิดปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 6.75 เซนต์ หรือ 0.89% ปิดที่ 7.625 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 19.5 เซนต์ หรือ 1.79% ปิดที่ 11.065 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 10.25 เซนต์ หรือ 0.61% ปิดที่ 16.76 ดอลลาร์/บุชเชล
นักลงทุนคาดการณ์ว่า สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกธัญพืชในภูมิภาคทะเลดำ โดยยอดส่งออกข้าวสาลีจากรัสเซียและยูเครนคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 25% ของการค้าข้าวสาลีทั่วโลก และยอดส่งออกข้าวโพดคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของการส่งออกข้าวโพดในตลาดโลก
ทางด้าน AgResource ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยในชิคาโกแสดงความเห็นว่า การที่สหรัฐและประเทศอื่น ๆ ประกาศคว่ำบาตรสินค้ารัสเซียซึ่งรวมถึงสินค้าเกษตรนั้น อาจทำให้สหรัฐกลายเป็นซัพพลายเออร์หลักในการจัดหาธัญพืชและเมล็ดน้ำมันในตลาดโลก
ทั้งนี้ รายงานของกระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) ระบุว่า สหรัฐได้ขายถั่วเหลืองให้กับจีนในปริมาณ 264,000 ตันสำหรับการส่งมอบในช่วงปี 2565-2566 และขายข้าวโพดในปริมาณ 128,900 ตันสำหรับการส่งมอบในช่วงปี 2564-2565 นอกจากนี้มีรายงานว่า อินเดียได้สั่งซื้อน้ำมันถั่วเหลืองล็อตใหม่จากสหรัฐด้วย
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับการคว่ำบาตรรัสเซียนั้น นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยในวันศุกร์ (11 มี.ค.) ว่า สหภาพยุโรป (EU) เตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้นรอบใหม่กับรัสเซียที่บุกโจมตียูเครน โดยระบุว่า EU จะดำเนินการเพื่อระงับสิทธิ์ต่าง ๆ ของรัสเซียในฐานะสมาชิกของสถาบันการเงินพหุภาคีชั้นนำซึ่งรวมถึงกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก