ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันศุกร์ (11 พ.ย.) สัญญาธัญพืชปรับตัวขึ้นทั้งกระดาน นำโดยสัญญาถั่วเหลืองพุ่งขึ้นเกือบ 2% โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงธัญพืช
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.75 เซนต์ หรือ 0.73% ปิดที่ 6.58 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 10.25 เซนต์ หรือ 1.28% ปิดที่ 8.1375 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 1.9% ปิดที่ 14.5 ดอลลาร์/บุชเชล
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ได้แรงหนุนจากการที่จีนส่งสัญญาณเปิดประเทศ หลังจากประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ด้วยการลดระยะเวลาการกักตัวของผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ และยกเลิกค่าปรับต่อสายการบิน ในกรณีที่พบผู้โดยสารติดเชื้อโควิด-19
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ยังช่วยให้สัญญาธัญพืชซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 1.76% สู่ระดับ 106.2950 เมื่อวันศุกร์
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงนั้น มาจากการที่นักลงทุนนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนต.ค.ที่ต่ำกว่าคาด
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 81% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 19% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%