สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ซีเรียได้เพิ่มการนำเข้าข้าวสาลีจากไครเมียที่รัสเซียผนวกจากยูเครน โดยใช้กองเรือธรรมดาที่ถูกสหรัฐคว่ำบาตร เป็นสัญญาณการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่าง 2 พันธมิตรที่ถูกกีดกันจากชาติตะวันตก
ข้อมูลจากบริษัทรีฟินิทิฟ (Refinitiv) ระบุว่า ข้าวสาลีที่ส่งจากท่าเรือเซวาสโทพอล (Sevastopol) ในทะเลดำของไครเมียไปยังซีเรียเพิ่มขึ้น 17 เท่าในปีนี้ แตะระดับ 500,000 ตัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 3 ของยอดนำเข้าธัญพืชทั้งหมดของซีเรีย
ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า มาตรการคว่ำบาตรทำให้เป็นเรื่องยากที่ซีเรียและรัสเซียจะค้าขายโดยใช้การประกันภัยทางทะเลและขนส่งทางทะเลตามปกติ ทั้งสองประเทศจึงพึ่งพาเรือของตนเองมากขึ้นในการขนย้ายธัญพืช ซึ่งรวมถึงเรือซีเรีย 3 ลำที่ถูกสหรัฐคว่ำบาตร
รายงานระบุว่า รัสเซียผนวกไครเมียจากยูเครนเมื่อปี 2557 และได้เปิดฉากรุกรานยูเครนอีกครั้งเมื่อวันที่ 24 ก.พ. แม้จะประสบความล้มเหลวทางทหาร แต่ก็ยังสามารถควบคุมพื้นที่การเกษตรสำคัญของภูมิภาคเคอร์ซอนและซาปอริซเซียของยูเครนไว้ได้
ทั้งนี้ ยูเครนและหน่วยงานที่ตั้งขึ้นของรัสเซียเห็นพ้องกันว่า จะให้ส่งออกธัญพืชบางส่วนจากภูมิภาคซาปอริซเซียที่ถูกรัสเซียยึดครองผ่านทางไครเมีย แม้ว่ายูเครนระบุว่าธัญพืชดังกล่าวถูกรัสเซียขโมย แต่รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว