ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันจันทร์ (22 เม.ย.) สัญญาธัญพืชปิดบวกทั้งกระดาน นำโดยสัญญาข้าวสาลี
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 6.25 เซนต์ หรือ +1.44% ปิดที่ 4.3975 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 20.75 เซนต์ หรือ +3.66% ปิดที่ 5.8750 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 10.75 เซนต์ หรือ +0.92% ปิดที่ 11.7650 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาสัญญาข้าวสาลีในสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน โดยได้แรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับสภาพอากาศแห้งแล้งในแถบเกรตเพลนส์ของสหรัฐและในรัสเซียที่มีการเพาะปลูกข้าวสาลี ด้านนักวิเคราะห์ระบุว่าความกังวลดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อทางเทคนิคและการเข้าซื้อเพื่อชดเชยการขายชอร์ต (short covering)
ซูซาน สเตราด์ นักวิเคราะห์ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ NoBullAg.com กล่าวว่า "มีความกังวลเกี่ยวกับสภาพอากาศแห้งแล้งในรัสเซียเพิ่มมากขึ้น" นอกจากนี้ อีกปัจจัยหนุนราคาก็คือการที่ฝนไม่ตกในพื้นที่ปลูกข้าวสาลีเมล็ดแข็งพันธุ์ Hard Red ในรัฐโคโลราโดและรัฐแคนซัสในสหรัฐ โดยข้าวสาลีประมาณ 50 ล้านบุชเชลมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบด้านลบในพื้นที่ดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ราคาข้าวโพดและถั่วเหลืองก็ปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน จากความกังวลเกี่ยวกับพืชผลในอาร์เจนตินาและเหตุการณ์รัสเซียโจมตีท่าเรือส่งออกธัญพืชของยูเครน
อนึ่ง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (19 เม.ย.) รัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มท่าเรือปิฟเดนยี (Pivdennyi) ในแคว้นออแดซา (Odesa) ทางตอนใต้ของยูเครน ส่งผลให้โรงเก็บธัญพืชและเสบียงอาหารถูกทำลาย
ด้านสเตราด์ตั้งข้อสังเกตว่า ข้าวโพดของสหรัฐสามารถแข่งขันด้านราคาได้มากขึ้นเนื่องจากการโจมตีครั้งใหม่ในยูเครน ปัญหาโรคข้าวโพดแคระแกร็นในอาร์เจนตินา ประกอบกับข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐ (USDA) ที่แสดงให้เห็นถึงความต้องการข้าวโพดที่เพิ่มขึ้นทั้งในฐานะเอทานอลและอาหารสัตว์