ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันพุธ (17 ก.ค.) สัญญาธัญพืชปรับตัวไร้ทิศทาง โดยราคาข้าวสาลีปรับตัวสูงขึ้นจากแรงซื้อขายทำกำไร หลังจากราคาข้าวสาลีร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อวันอังคาร (16 ก.ค.) ราคาที่ต่ำลงนี้ดูเหมือนจะกระตุ้นให้เกิดคำสั่งซื้อใหม่จากต่างประเทศ
ด้านราคาข้าวโพดปิดตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาถั่วเหลืองปรับตัวลงเล็กน้อย แต่ราคาธัญพืชทั้งสองยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 2.25 เซนต์ หรือ +0.57% ปิดที่ 3.9800 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 8.50 เซนต์ หรือ +1.60% ปิดที่ 5.3925 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 2.25 ดอลลาร์ หรือ -0.22% ปิดที่ 10.4100 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาข้าวสาลีฟื้นตัวขึ้นเนื่องจากมีดีลการสั่งซื้อในตลาดโลกเป็นจำนวนมาก โดยเทรดเดอร์ชาวยุโรปกล่าวว่า สำนักงานธัญพืชของรัฐบาลแอลจีเรียซื้อข้าวสาลีสำหรับผลิตแป้งประมาณ 600,000 เมตริกตันในการประมูลระหว่างประเทศ และหน่วยงานของรัฐบาลอียิปต์สั่งซื้อข้าวสาลีส่วนใหญ่จากรัสเซียจำนวน 770,000 เมตริกตันเมื่อวันอังคาร ซึ่งถือเป็นการซื้อครั้งเดียวเป็นจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2565
ขณะเดียวกัน ผู้ซื้อข้าวสาลีในเอเชียได้เพิ่มการซื้อในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยรับสินค้ามาจากภูมิภาคทะเลดำ
"ผู้ใช้ปลายทางเห็นว่าระดับราคานี้คุ้มค่า" นายอาร์ลัน ซูเดอร์มาน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สินค้าโภคภัณฑ์ของ StoneX ระบุในบันทึกถึงลูกค้า
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐยังช่วยหนุนราคาสัญญาธัญพืชในตลาด CBOT อีกด้วย โดยทำให้ธัญพืชของสหรัฐมีราคาถูกลงและแข่งขันกับประเทศอื่นได้มากขึ้นในตลาดโลก ทั้งนี้ ดอลลาร์อ่อนค่าลง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าใกล้จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว
ด้านราคาข้าวโพดขยับขึ้นเล็กน้อย แต่สภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกในแถบมิดเวสต์ยังคงกดดันตลาด ทำให้ราคาปรับตัวขึ้นแบบจำกัดเนื่องจากเทรดเดอร์คาดว่าสหรัฐจะมีผลผลิตออกมามาก โดยปัจจุบันข้าวโพดอยู่ในช่วงผสมเกสร ซึ่งเป็นช่วงการสืบพันธุ์ที่สำคัญ
"คาดว่าตลอดทั้งเดือนก.ค. ปริมาณน้ำฝนจะมากกว่าปกติในพื้นที่ส่วนใหญ่ในแถบเพาะปลูกข้าวโพด... ซึ่งค่อนข้างจะเอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของข้าวโพดและถั่วเหลือง" บริษัทเทคโนโลยีดาวเทียมแมกซาร์ (Maxar) ระบุในบันทึก
แมกซาร์ตั้งข้อสังเกตว่า เกษตรกรในแถบมิดเวสต์ยังคงประเมินความเสียหายของพืชผลจากพายุรุนแรงและลมแรงที่พัดถล่มภูมิภาคนี้เมื่อวันจันทร์ (15 ก.ค.)