ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันอังคาร (23 ก.ค.) สัญญาสินค้าเกษตรปรับตัวไร้ทิศทาง โดยสัญญาข้าวโพดและสัญญาถั่วเหลืองปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สอง ขณะที่สัญญาข้าวสาลีปรับตัวลง
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 2.25 เซนต์ หรือ +0.56% ปิดที่ 4.0250 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 5.25 เซนต์ หรือ -0.96% ปิดที่ 5.4275 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 6.75 เซนต์ หรือ +0.63% ปิดที่ 10.7550 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันจันทร์ (22 ก.ค.) กระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) รายงานว่า ผู้ส่งออกสหรัฐมียอดขายข้าวโพด 200,000 เมตริกตัน ไปยังจุดหมายปลายทางที่ไม่เปิดเผย สำหรับการส่งมอบในปีการตลาด 2567/68
นักวิเคราะห์ตลาดกล่าวว่า สถานะชอร์ตจำนวนมากที่เกิดขึ้นในช่วงที่ราคาถั่วเหลืองและธัญพืชร่วงลงแรง เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาสัญญาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากการเข้าซื้อเพื่อปิดสถานะชอร์ต
นายแจ็ค สโควิลล์ นักวิเคราะห์จาก Price Futures Group กล่าวว่า "ตลาดมีการขายมากเกินไป สถานะการเทรดที่เปิดอยู่ยังคงมีค่อนข้างมาก และผมคิดว่าเทรดเดอร์จะต้องลดระดับสถานะเหล่านี้ลง"
นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังจับตาดูรายงานจากแถบเพาะปลูกข้าวโพดทางตะวันตกของสหรัฐ ซึ่งเริ่มปรากฏสัญญาณของความเครียดต่อพืชผล อันเนื่องมาจากปริมาณน้ำฝนที่มากเกินไปในช่วงฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูร้อน
นายคาร์ล เซตเซอร์ หุ้นส่วนของ Consus Ag กล่าวว่า "มีข้อกังวลเกี่ยวกับคุณภาพของพืชผลมากขึ้นเรื่อย ๆ เราได้รับรายงานว่าข้าวโพดเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกมีความชื้นแฉะเกินไป ทำให้สารอาหารถูกชะล้างออกไป"
หลังจากตลาดปิดทำการ USDA รายงานความคืบหน้าของพืชผลประจำสัปดาห์ โดยระบุว่า 67% ของข้าวโพดทั่วประเทศอยู่ในสภาพดีถึงดีเยี่ยม ลดลง 1% จากสัปดาห์ก่อนหน้า แต่ยังอยู่ในระดับสูงสุดสำหรับช่วงเวลานี้ของปีนับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา
สำหรับสัญญาข้าวสาลีนั้นปรับตัวสูงขึ้นในช่วงแรกของการซื้อขาย เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการพยากรณ์สภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งในบางพื้นที่ของแคนาดาและแถบทะเลดำ ประกอบกับแนวโน้มการเก็บเกี่ยวที่ไม่ดีในฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวสาลีพลิกเข้าแดนลบในช่วงกลางของการซื้อขาย