ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันพุธ (24 ก.ค.) สัญญาสินค้าเกษตรปรับตัวไร้ทิศทาง โดยสัญญาข้าวโพดและข้าวสาลีปรับตัวขึ้น ขณะที่สัญญาถั่วเหลืองปรับตัวลง
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.25 เซนต์ หรือ +0.31% ปิดที่ 4.0375 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 4.25 เซนต์ หรือ +0.78% ปิดที่ 5.4700 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 11.50 เซนต์ หรือ -1.07% ปิดที่ 10.6400 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาข้าวสาลีและข้าวโพดปรับตัวสูงขึ้นในวันพุธ เนื่องจากตลาดจับตาดูสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในบางพื้นที่ของอเมริกาเหนือ
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของข้าวสาลีถูกสกัดด้วยรายงานจากนักสำรวจในวันแรกของการทัวร์ตรวจสอบพืชผลประจำปีของสหรัฐ ซึ่งคาดการณ์ว่า ข้าวสาลีฤดูใบไม้ผลิในพื้นที่ทางตอนใต้และทางตะวันออกกลางของรัฐนอร์ทดาโคตาจะให้ผลผลิตสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2537 เป็นต้นมา
นอกจากนี้ บริษัทที่ปรึกษา Sovecon ยังปรับเพิ่มการคาดการณ์ผลผลิตข้าวสาลีของรัสเซียในปี 2567 เล็กน้อยอีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเก็บเกี่ยวที่ดีในประเทศผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดของโลก
อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์กำลังมองหาข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์การเก็บเกี่ยวในยุโรปตะวันตกที่ได้รับผลกระทบจากฝน โดยเฉพาะในฝรั่งเศสที่คาดว่าผลผลิตจะออกมาย่ำแย่
สำหรับข้าวโพด นายคาร์ล เซตเซอร์ หุ้นส่วนของ Consus Ag กล่าวว่า นอกจากปัจจัยสภาพอากาศแล้ว ข้าวโพดยังปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อเพื่อปิดสถานะชอร์ต (Short covering) หลังจากที่มีสถานะชอร์ตสุทธิเป็นจำนวนมากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านราคาถั่วเหลืองชะลอตัวลงเนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอลง หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นก่อนหน้านี้จากกระแสคาดการณ์ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน อาจไม่ชนะการเลือกตั้งสหรัฐ ซึ่งหากทรัมป์ไม่ชนะ ก็อาจช่วยลดความตึงเครียดทางการค้ากับจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าถั่วเหลืองรายใหญ่
ทั้งนี้ ความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์จากจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในวงกว้าง รวมถึงการแข่งขันจากซัพพลายเออร์ในอเมริกาใต้และแถบทะเลดำที่ส่งออกผลผลิตในราคาถูกกว่า ยังคงทำให้บรรยากาศการส่งออกของสหรัฐซบเซาอย่างต่อเนื่อง