ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันจันทร์ (29 ก.ค.) สัญญาสินค้าเกษตรปรับตัวไร้ทิศทาง โดยสัญญาข้าวโพดและข้าวสาลีปรับตัวขึ้น ขณะที่สัญญาถั่วเหลืองปรับตัวลง
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.75 เซนต์ หรือ +0.44% ปิดที่ 3.9625 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 7.50 เซนต์ หรือ +1.43% ปิดที่ 5.3100 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 9.00 เซนต์ หรือ -0.86% ปิดที่ 10.3950 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาถั่วเหลืองร่วงลงในวันจันทร์ สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2563 หลังจากมีการพยากรณ์อากาศว่าจะมีฝนตกในเขตเพาะปลูกของสหรัฐ ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งที่มีต่อพืชผล
ขณะเดียวกัน หลังจากตลาดปิดทำการ ข้อมูลที่เผยแพร่โดยกระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) แสดงให้เห็นว่า สภาพข้าวโพดของสหรัฐดีขึ้น แต่พบว่าการจัดอันดับสภาพถั่วเหลือง ข้าวสาลีฤดูหนาว และข้าวสาลีฤดูใบไม้ผลิของประเทศกลับลดลง
นักวิเคราะห์กล่าวว่า เดิมทีตลาดคาดการณ์ว่าความร้อนจัดและภาวะแห้งแล้งในแถบมิดเวสต์ของสหรัฐจะทำให้ผลผลิตข้าวโพดและถั่วเหลืองลดลง แต่การพยากรณ์อากาศล่าสุดบ่งชี้ว่า สภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งนี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
"สถานการณ์ของถั่วเหลือง และรวมถึงข้าวโพดด้วยในระดับหนึ่ง คือเรามีสภาพอากาศที่ดีเยี่ยมในแถบมิดเวสต์ส่วนใหญ่และสภาพพืชผลก็ดีเยี่ยม ตอนนี้เราน่าจะได้ผลผลิตปริมาณมากแน่นอน" นายนาธาน โลซีย์ นักวิเคราะห์ธัญพืชของบริษัท AgResource กล่าว
นายโลซีย์กล่าวเสริมว่า จีนสั่งจองถั่วเหลืองลอตใหม่เข้ามาน้อยมาก ในขณะที่เกษตรกรสหรัฐยังคงเก็บสต็อกข้าวโพดและถั่วเหลืองลอตเก่าไว้เป็นจำนวนมาก
ด้านข้าวสาลีปรับตัวขึ้นหลังจากที่ USDA รายงานว่า ยอดการตรวจสอบการส่งออกข้าวสาลีในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 ก.ค. อยู่ที่ 431,233 เมตริกตัน นอกจากนี้ การจัดอันดับสภาพข้าวสาลีเมล็ดอ่อน (Soft wheat) ของฝรั่งเศสย่ำแย่ลงอีกครั้งในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตกลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปี และมีพืชผลเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสภาพดี ขณะที่การเก็บเกี่ยวยังคงล่าช้ากว่าค่าเฉลี่ย เนื่องจากสภาพอากาศที่ฝนตกตลอดฤดูกาลยังคงส่งผลเสียต่อพืชผลอย่างต่อเนื่อง