ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันพุธ (31 ก.ค.) สัญญาสินค้าเกษตรปรับตัวไร้ทิศทาง โดยสัญญาข้าวโพดยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มผลผลิตในสหรัฐที่สดใสและเกษตรกรเริ่มทยอยขายสต็อกข้าวโพดเก่าออกมา
ราคาข้าวสาลีปรับตัวขึ้นโดยได้แรงหนุนจากผลผลิตที่ไม่ดีในฝรั่งเศส แม้ว่าตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณผลผลิตตามฤดูกาลในซีกโลกเหนือที่ออกมามากก็ตาม
ส่วนราคาถั่วเหลืองปรับตัวขึ้นเล็กน้อยตามราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 6.00 เซนต์ หรือ -1.54% ปิดที่ 3.8275 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 3.25 เซนต์ หรือ +0.62% ปิดที่ 5.2725 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.25 เซนต์ หรือ +0.12% ปิดที่ 10.2250 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มีการคาดการณ์ว่าปัจจัยลบด้านสภาพอากาศที่ลดลงและฝนที่ตกลงมาในปริมาณที่เหมาะสม จะยังคงกดดันราคาข้าวโพดและถั่วเหลืองต่อไป โดยเกษตรกรเริ่มนำสต็อกผลผลิตเก่าที่เก็บไว้ออกมาขายเพราะไม่คาดหวังว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้นไปกว่านี้แล้ว อีกทั้งยังต้องเคลียร์พื้นที่เพื่อรองรับผลผลิตรอบใหม่ที่กำลังจะมาถึง
นายเท็ด ไซฟรีด นักกลยุทธ์ของ Zaner Group กล่าวว่า "พยากรณ์อากาศเดือนส.ค.ไม่น่าเป็นห่วง สภาพพืชผลและอากาศดูดีทีเดียว เลยทำให้เกษตรกรพากันขายผลผลิตกันใหญ่ เกษตรกรไม่รอแล้ว"
ด้านราคาน้ำมันถั่วเหลืองปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำของกลุ่มฮามาส ได้ถูกกองกำลังทหารของอิสราเอลสังหารในประเทศอิหร่าน ซึ่งสถานการณ์ความไม่สงบในภูมิภาคผู้ผลิตน้ำมันส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 4% และยังส่งผลดีต่อราคาวัตถุดิบที่ใช้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพอีกด้วย