ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันพุธ (4 ก.ย.) สัญญาธัญพืชปิดบวกทั้งกระดาน โดยขยับขึ้นจากระดับเกือบต่ำสุดในรอบ 4 ปี หลังได้รับแรงหนุนจากการซื้อคืนเพื่อปิดสถานะชอร์ต (short-covering) และเงินดอลลาร์อ่อนค่า ท่ามกลางความวิตกกังวลในตลาดการเงิน
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 4.00 เซนต์ หรือ +1.03% ปิดที่ 3.9050 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 14.00 เซนต์ หรือ +2.47% ปิดที่ 5.8075 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 9.50 เซนต์ หรือ +0.94% ปิดที่ 10.2150 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาถั่วเหลืองพุ่งขึ้นจากแรงซื้อคืนเพื่อปิดสถานะชอร์ตและความกังวลเรื่องภัยแล้ง ส่วนราคาข้าวโพดก็ปรับตัวสูงขึ้นตามถั่วเหลือง ขณะที่ข้าวสาลีปิดพุ่งหลังแรงกดดันจากการเก็บเกี่ยวลดลงและมีแรงซื้อคืนเพื่อปิดสถานะชอร์ต
ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมกำลังประเมินว่าสภาพอากาศที่แห้งแล้งเกินไปในแถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯ จะกระทบผลผลิตถั่วเหลืองที่คาดการณ์ว่าจะออกมาดีในฤดูเก็บเกี่ยวนี้หรือไม่
"ช่วงท้ายฤดูปลูกปีนี้ สภาพอากาศไม่ค่อยดีเท่าไร บางพื้นที่ต้องการฝนเพื่อให้ผลผลิตออกมาได้เต็มที่" มาร์ก โซเดอร์เบิร์ก นักวิเคราะห์จาก ADM กล่าว
Commodity Weather Group ระบุว่า ความแห้งแล้งกำลังกระทบพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดและถั่วเหลืองประมาณ 25% ของประเทศ
ด้านกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ปรับลดอันดับสภาพพืชผลถั่วเหลืองลงมากกว่าคาดหลังตลาดปิดทำการเมื่อวันอังคาร (3 ก.ย.) ขณะที่อันดับสภาพพืชผลข้าวโพดยังคงที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
นอกจากนี้ ถั่วเหลืองยังได้แรงหนุนจากความเป็นไปได้ที่จีนอาจตั้งกำแพงภาษีนำเข้าคาโนลาจากแคนาดา ซึ่งเพิ่มความหวังว่าจีนอาจซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
เกษตรกรยังคงเร่งระบายข้าวโพดเก่าเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการเก็บเกี่ยวผลผลิตใหม่ ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาสัญญาข้าวโพด ขณะที่การขายถั่วเหลืองเก่าชะลอตัวลง
ทั้งนี้ เทรดเดอร์กล่าวว่า ราคาข้าวสาลีในรัสเซียทรงตัว ขณะที่ราคาข้าวสาลีในยุโรปที่เพิ่มขึ้นช่วยหนุนราคาสัญญาข้าวสาลีสหรัฐฯ และกระตุ้นแรงซื้อคืนเพื่อปิดสถานะชอร์ต
"ราคาข้าวสาลี (ในสหรัฐฯ) ได้รับอิทธิพลจากราคาในต่างประเทศ" ทอม ฟริตซ์ โบรกเกอร์จาก EFG Group กล่าว