ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันอังคาร (10 ก.ย.) สัญญาธัญพืชปรับตัวไร้ทิศทาง โดยสัญญาถั่วเหลืองร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์ หลุดระดับ 10 ดอลลาร์ต่อบุชเชล
สาเหตุหลักของการร่วงลงครั้งนี้มาจากผลการประเมินคุณภาพพืชผลของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีเกินคาด ส่งผลให้แนวโน้มการผลิตสดใสขึ้น และช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาสภาพอากาศแห้งแล้งที่ผ่านมา
ด้านสัญญาข้าวโพดปรับตัวลงเล็กน้อยในกรอบการซื้อขายที่จำกัด ขณะที่ราคาข้าวสาลีปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนในตลาดต่างทยอยปรับสถานะการลงทุน ก่อนที่กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) จะเปิดเผยประมาณการพืชผลรายเดือนที่สำคัญในวันพฤหัสบดีนี้ (12 ก.ย.)
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 4.75 เซนต์ หรือ -1.24% ปิดที่ 3.7950 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.75 เซนต์ หรือ +1.01% ปิดที่ 5.7425 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 20.75 เซนต์ หรือ -2.04% ปิดที่ 9.9725 ดอลลาร์/บุชเชล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.
ราคาถั่วเหลืองร่วงลง หลังจาก USDA เปิดเผยรายงานความคืบหน้าของพืชผลรายสัปดาห์เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ที่ผ่านมา (9 ก.ย.) โดยยังคงคะแนนคุณภาพถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ในระดับดีถึงดีเยี่ยมไว้ที่ 65% สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าอาจจะลดลง
"ผลการประเมินสะท้อนว่าผู้สังเกตการณ์ยังคงประทับใจกับผลผลิตในปีนี้อยู่มาก ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่า USDA อาจปรับเพิ่มประมาณการผลผลิตในรายงานที่จะเผยแพร่ในวันพฤหัสบดีนี้" อาร์ลัน ซูเดอร์มาน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของ StoneX ระบุไว้ในบันทึกถึงลูกค้า
นอกจากนี้ USDA ยังรายงานเมื่อวันจันทร์ว่า การเก็บเกี่ยวข้าวโพดในสหรัฐฯ เสร็จสิ้นไปแล้ว 5% ซึ่งถือว่าเร็วกว่าที่ผู้ค้าคาดการณ์ไว้เล็กน้อย
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่สำรวจโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ คาดการณ์ว่า รัฐบาลจะยังคงประมาณการผลผลิตถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ในปี 2567 ไว้ที่ 53.2 บุชเชลต่อเอเคอร์เช่นเดิม ส่วนผลผลิตข้าวโพดนั้น คาดการณ์ว่า USDA น่าจะปรับลดประมาณการลงเล็กน้อย
นอกจากปัจจัยด้านผลผลิตแล้ว นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันพุธ (11 ก.ย.) รวมถึงการโต้วาทีของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยและนโยบายเศรษฐกิจโดยรวม
แม้ราคาข้าวสาลีจะปิดตัวสูงขึ้น แต่การปรับตัวขึ้นก็ถูกจำกัดด้วยราคาส่งออกจากทะเลดำที่ถูกกว่าของสหรัฐฯ แม้ว่าจะยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับปริมาณผลผลิตของรัสเซียก็ตาม
ทอม ฟริตซ์ หุ้นส่วนของ EFG Group ในชิคาโก วิเคราะห์ว่า "ราคาข้าวสาลีปรับตัวสูงขึ้นเพราะมีแรงซื้อคืนเพื่อปิดสถานะชอร์ต (short covering) ด้วยความคาดหวังว่าผลผลิตข้าวโพดและถั่วเหลืองของสหรัฐฯ จะออกมาปริมาณมาก ข้าวสาลีจึงอาจเป็นตลาดที่ดูมีแนวโน้มสดใสที่สุดในบรรดาสามตลาด ทำให้เกิดการเก็งกำไรระหว่างตลาด"