ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันจันทร์ (23 ก.ย.) สัญญาธัญพืชปรับตัวขึ้นทั้งกระดาน
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 11.75 เซนต์ หรือ +2.92% ปิดที่ 4.1350 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 14.00 เซนต์ หรือ +2.46% ปิดที่ 5.8250 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 27.25 เซนต์ หรือ +2.69% ปิดที่ 10.3925 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาถั่วเหลืองปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสภาพอากาศในบราซิล ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดของโลก และสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับสอง ทั้งนี้ กองทุนต่าง ๆ ถือสถานะชอร์ตสุทธิถั่วเหลืองและข้าวโพดในตลาด CBOT ไว้เป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาสินค้ามีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นจากแรงซื้อเพื่อปิดสถานะชอร์ต (Short covering) โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนและปลายไตรมาสนี้
ขณะที่การเก็บเกี่ยวในสหรัฐฯ กำลังดำเนินอยู่ นักลงทุนในตลาดต่างรอคอยข้อมูลผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ เพื่อประเมินว่าสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งในช่วงปลายฤดูเพาะปลูกในแถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อผลผลิตมากน้อยเพียงใด โดยในเดือนนี้ กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ยังคงประมาณการผลผลิตถั่วเหลืองเฉลี่ยทั่วประเทศไว้ที่ 53.2 บุชเชลต่อเอเคอร์ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
"มีความกังวลว่าผลผลิตอาจลดลง แม้จะไม่มากนัก แต่แนวโน้มก็เป็นขาลง ซึ่งต่างจากเมื่อ 30 วันก่อนที่แนวโน้มยังเป็นขาขึ้น" เทอร์รี ลินน์ นักวิเคราะห์จาก Linn & Associates ในชิคาโก กล่าว
หลังจากตลาดปิดทำการ USDA รายงานว่าการเก็บเกี่ยวข้าวโพดในสหรัฐฯ เสร็จสิ้นแล้ว 14% และถั่วเหลืองเสร็จสิ้นแล้ว 13% ซึ่งเร็วกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 11% และ 8% ตามลำดับ
ในบราซิล สภาพอากาศแห้งแล้งทำให้การเพาะปลูกถั่วเหลืองล่าช้า โดยข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษา AgRural ระบุว่า ณ วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (19 ก.ย.) การเพาะปลูกถั่วเหลืองเสร็จสิ้นแล้วเพียง 0.9% ซึ่งต่ำกว่าระดับ 1.9% ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วนราคาสัญญาข้าวสาลีปรับตัวสูงขึ้นตามราคาขายเป็นเงินสด (cash price) และความเสี่ยงด้านสภาพอากาศในหลายพื้นที่ทั่วโลก โดยราคาส่งออกข้าวสาลีของรัสเซียปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในสัปดาห์ที่แล้ว และนักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับขึ้นอีก เนื่องจากปริมาณการส่งออกชะลอตัวลง
แมตต์ แอมเมอร์แมนน์ ผู้จัดการความเสี่ยงด้านสินค้าโภคภัณฑ์จาก StoneX กล่าวว่า "ราคาข้าวสาลีได้รับแรงหนุนจากรายงานสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกในหลายภูมิภาค รวมถึงรายงานผลผลิตที่ไม่ดีในยุโรป หลายพื้นที่ในแถบทะเลดำกำลังประสบปัญหาภัยแล้ง เช่นเดียวกับออสเตรเลีย บางส่วนของเขตเพลนส์ในสหรัฐฯ และอาร์เจนตินา"