ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันอังคาร (1 ต.ค.) สัญญาธัญพืชปิดบวกยกกระดาน นำโดยสัญญาข้าวสาลีที่ปรับตัวขึ้นอย่างมาก ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นและสัญญาณการขาดแคลนข้าวสาลีจากแถบทะเลดำ ตามรายงานของนักวิเคราะห์ตลาด
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.25 เซนต์ หรือ +1.00% ปิดที่ 4.2900 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 15.00 เซนต์ หรือ +2.57% ปิดที่ 5.9900 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 0.25 เซนต์ หรือ +0.02% ปิดที่ 10.5725 ดอลลาร์/บุชเชล
สัญญาข้าวโพดปรับตัวขึ้นตามราคาข้าวสาลีและราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นในวันเดียวกัน หลังจากที่กองทัพอิสราเอลรายงานว่า มีการยิงขีปนาวุธจากอิหร่านเข้าสู่อิสราเอล และมาร์ค รุตเตอ ผู้นำคนใหม่ของนาโต (NATO) ได้แสดงจุดยืนสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขัน
ไมค์ ซูโซโล ประธาน Global Commodity Analytics กล่าวว่า การพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน รวมถึงผลกระทบจากภัยแล้งในพื้นที่ปลูกข้าวสาลีสำคัญ ช่วยลดทอนผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับตลาดธัญพืชจากข่าวการนัดหยุดงานของคนงานท่าเรือบริเวณชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ และอ่าวเม็กซิโกในวันอังคาร
นักวิเคราะห์ระบุว่า ราคาสัญญาถั่วเหลืองมีการซื้อขายสลับขึ้นลงตามปัจจัยทางเทคนิค
นอกจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์แล้ว ราคาสัญญาซื้อขายข้าวสาลียังได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่าราคาส่งออกข้าวสาลีของรัสเซียปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าอัตราการส่งออกเพิ่มขึ้นก็ตาม ท่ามกลางสัญญาณที่บ่งชี้ว่าผลผลิตข้าวสาลีของยูเครนอาจน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
"ผลกระทบจากภัยแล้งในแถบทะเลดำดูเหมือนจะเริ่มส่งผลชัดเจนขึ้นแล้ว" ซูโซโลกล่าว
แจ็ค สโควิลล์ รองประธานของ Price Futures Group ให้ความเห็นว่า การที่รัสเซียขึ้นราคาข้าวสาลี รวมถึงรายงานเกี่ยวกับสภาวะแล้งที่รุนแรงขึ้น ล้วนช่วยหนุนราคาสัญญาข้าวสาลีเมื่อวานนี้
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรประจำแคว้นโวโรเนจของรัสเซียรายงานว่า แคว้นโวโรเนจ ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งเพาะปลูกธัญพืชและชูการ์บีทที่สำคัญของประเทศ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเนื่องจากภัยแล้งในวันอังคาร