ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันพุธ (9 ต.ค.) สัญญาธัญพืชปิดบวกทั้งกระดาน นำโดยข้าวสาลีที่พุ่งทะยานต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสภาพอากาศในรัสเซีย และกระแสความต้องการที่พุ่งขึ้นจากผู้นำเข้าในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.25 เซนต์ หรือ +0.06% ปิดที่ 4.2100 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.25 เซนต์ หรือ +0.71% ปิดที่ 5.9900 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 4.00 เซนต์ หรือ +0.39% ปิดที่ 10.2025 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เทรดเดอร์ข้าวสาลีกำลังจับตารอดูตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดของผลผลิตธัญพืชรัสเซียปี 2567 ซึ่งกระทรวงเกษตรของรัสเซียจะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ (10 ต.ค.) เพื่อประเมินผลกระทบจากสภาพอากาศแปรปรวน ขณะเดียวกันก็เฝ้าติดตามความเป็นไปได้ที่จะมีฝนตกในพื้นที่แห้งแล้ง ซึ่งเกษตรกรกำลังพยายามหว่านเมล็ดข้าวสาลีฤดูหนาวสำหรับปีหน้า
ด้านข้าวโพดและถั่วเหลืองขยับขึ้นเล็กน้อยท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของตลาดการเงิน และการปรับพอร์ตการลงทุนของเทรดเดอร์ก่อนที่รัฐบาลจะเปิดเผยรายงานอุปสงค์-อุปทาน
สภาพอากาศแห้งแล้งในอเมริกาใต้ส่งผลให้ราคาสัญญาถั่วเหลืองและข้าวโพดพุ่งสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาในขณะที่การเพาะปลูกกำลังดำเนินไป โดยปริมาณน้ำฝนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย แม้กระทั่งในช่วงฤดูฝน ได้สร้างความเสียหายให้กับป่าอะเมซอนและพื้นที่ส่วนใหญ่ของอเมริกาใต้ตั้งแต่ปีที่แล้ว
แต่แบบจำลองสภาพอากาศต่าง ๆ กลับให้การพยากรณ์อากาศที่ขัดแย้งกัน โดยหนึ่งในนั้นคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกในอาร์เจนตินา ในขณะที่อีกแบบจำลองหนึ่งระบุว่าสภาพอากาศจะยังคงแห้งแล้งต่อไป
คาร์ล เซตเซอร์ หุ้นส่วนบริษัท Consus Ag Consulting กล่าวว่า "การพยากรณ์อากาศทั้งสองแบบนี้ไม่ได้สนับสนุนตัวเลขผลผลิตที่นักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ไว้ในขณะนี้ ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวในอเมริกาใต้"
เทรดเดอร์เปิดเผยว่า พวกเขากำลังจับตาดูความอ่อนแอของราคาน้ำมันดิบ LCOc1 อย่างใกล้ชิด เนื่องจากดีมานด์ที่ซบเซาและสต๊อกน้ำมันในสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลหักล้างกับปัจจัยความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของอุปทานอันเนื่องมาจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางและพายุเฮอร์ริเคนมิลตัน (Milton) ในสหรัฐฯ ทั้งนี้ ข้าวโพดและถั่วเหลืองต่างเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ