ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันจันทร์ (14 ต.ค.) สัญญาธัญพืชปิดลบทั้งกระดาน โดยสัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองในสหรัฐฯ ปรับตัวลงเนื่องจากแรงกดดันด้านอุปทาน ภายหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันการคาดการณ์ว่าจะมีผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ขณะเดียวกันฝนตกมากขึ้นในบราซิล ซึ่งช่วยลดความกังวลก่อนหน้านี้ว่า สภาพอากาศแห้งแล้งในช่วงเริ่มต้นฤดูเพาะปลูกในบราซิลจะส่งผลกระทบต่อการเก็บเกี่ยว
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 7.50 เซนต์ หรือ -1.80% ปิดที่ 4.0825 ดอลลาร์/บุชเชล แตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 13.75 เซนต์ หรือ -2.30% ปิดที่ 5.8525 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 9.50 เซนต์ หรือ -0.94% ปิดที่ 9.9600 ดอลลาร์/บุชเชล แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตลาดข้าวโพดและถั่วเหลืองยังคงได้รับอิทธิพลหลักจากสองปัจจัย ได้แก่ สภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเก็บเกี่ยวในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐฯ และการเปลี่ยนแปลงไปสู่สภาพอากาศที่มีฝนตกมากขึ้นในพื้นที่เพาะปลูกสำคัญของทวีปอเมริกาใต้
ดอน รูส ประธานบริษัท U.S. Commodities ให้ความเห็นว่า "รัฐบาลแจ้งว่าผลผลิตข้าวโพดของสหรัฐฯ ออกมาเยอะกว่าที่คิด ไม่ใช่น้อยลง ส่วนผลผลิตถั่วเหลืองก็ไม่ได้น้อยอย่างที่เราคาดไว้ตอนแรก ทั้งที่สภาพอากาศในเดือนส.ค.และก.ย.ไม่ค่อยดีเท่าไร"
"อีกเรื่องสำคัญคือ ประเทศบราซิล ซึ่งเป็นคู่แข่งรายใหญ่ของเราในการปลูกข้าวโพดและถั่วเหลือง กำลังเจอสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงฤดูเพาะปลูก"
บริษัทที่ปรึกษา AgRural รายงานว่า จนถึง ณ วันพฤหัสบดีที่แล้ว (10 ต.ค.) เกษตรกรในบราซิลปลูกถั่วเหลืองไปแล้ว 8.2% ของพื้นที่ที่วางแผนไว้ทั้งหมด ซึ่งน้อยกว่าปีที่แล้วที่ปลูกได้ถึง 17% ในช่วงเวลาเดียวกัน
สัญญาราคาข้าวสาลีร่วงลงเพราะเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และเนื่องจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ (USDA) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ปริมาณข้าวสาลีทั่วโลกในรายงานประจำเดือนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ต.ค.)
ทางด้านรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุด ได้ประกาศกำหนดราคาขั้นต่ำสำหรับข้าวสาลีส่งออก ซึ่งอาจส่งผลให้การส่งออกข้าวสาลีของรัสเซียชะลอตัวลง ขณะเดียวกัน เหตุการณ์ที่รัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีท่าเรือโอเดสซาของยูเครนทางทะเลดำเมื่อวันจันทร์ ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงความเสี่ยงของสงครามที่ส่งผลกระทบต่อการค้าในภูมิภาคทะเลดำ