ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันอังคาร (19 พ.ย.) สัญญาข้าวสาลีปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เนื่องจากตลาดกังวลกับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ ในประเด็นยูเครน ซึ่งอาจส่งผลให้สงครามรุนแรงขึ้นในภูมิภาคทะเลดำ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตธัญพืชสำคัญของโลก
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.00 เซนต์ หรือ -0.47% ปิดที่ 4.2725 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.00 เซนต์ หรือ +0.35% ปิดที่ 5.6775 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 11.25 เซนต์ หรือ -1.11% ปิดที่ 9.9850 ดอลลาร์/บุชเชล
ราคาข้าวสาลีปรับตัวสูงขึ้นหลังยูเครนโจมตีรัสเซียโดยใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐฯ ที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในวันครบรอบ 1,000 วันของสงครามยูเครน
อาร์ลัน ซูเดอร์มาน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของ StoneX ระบุในบันทึกถึงลูกค้าว่า ราคาข้าวสาลีปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากความวิตกว่าสถานการณ์ที่ตึงเครียดอาจนำไปสู่การถล่มโครงสร้างพื้นฐานการส่งออก หรือกระทบต่อเรือบรรทุกสินค้า
"นี่เป็นประเด็นที่เทรดเดอร์กำลังจับตา แม้ว่าระดับความกลัวยังไม่สูงนัก" ซูเดอร์มานกล่าว
ขณะเดียวกัน กระทรวงเกษตรยูเครนคาดว่าผลผลิตข้าวสาลีปีหน้าจะเพิ่มขึ้นจากการขยายพื้นที่เพาะปลูก ตามรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์
ด้านราคาสัญญาถั่วเหลืองลดลง เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าจะได้ผลผลิตจำนวนมากจากอเมริกาใต้ โดยเฉพาะประเทศบราซิลที่ได้เพาะปลูกถั่วเหลืองฤดูกาล 2567/68 ไปแล้วราว 80% โดย Abiove กลุ่มล็อบบี้ด้านพืชน้ำมัน คาดการณ์ผลผลิตที่ 167.7 ล้านตัน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้การส่งออกและการแปรรูปในประเทศพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) คาดการณ์ว่าผลผลิตของบราซิลจะอยู่ที่ 169 ล้านตัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของบราซิลเปิดเผยว่า ก่อนการเจรจาหารือกับปธน.สี จิ้นผิง ตามกำหนดการในวันพุธนี้ (20 พ.ย.) บราซิลมีแผนจะประกาศข้อตกลงด้านการเกษตรกับจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด