ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันอังคาร (26 พ.ย.) ราคาสัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองปรับตัวลง หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าจะเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศคู่ค้าหลัก นอกจากนี้ การคาดการณ์ผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์จากอเมริกาใต้ก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันราคา
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4.75 เซนต์ หรือ -1.12% ปิดที่ 4.2000 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.25 เซนต์ หรือ +0.40% ปิดที่ 5.5580 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 2.25 เซนต์ หรือ -0.23% ปิดที่ 9.8350 ดอลลาร์/บุชเชล
ด้านราคาสัญญาข้าวสาลีปรับตัวขึ้นจากปัจจัยทางเทคนิค โดยนักลงทุนไม่ได้ตอบสนองต่อข่าวสถานการณ์ความขัดแย้งในทะเลดำที่รุนแรงขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทรัมป์ ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. ประกาศเมื่อวันจันทร์ (25 พ.ย.) ว่า จะเก็บภาษีนำเข้า 25% กับแคนาดาและเม็กซิโก จนกว่าทั้งสองประเทศจะจัดการปัญหายาเสพติดและผู้อพยพข้ามแดนได้ นอกจากนี้ยังจะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มอีก 10% กับสินค้าจากจีนด้วย
อย่างไรก็ดี ตลาดกลับไม่ได้มีปฏิกิริยาต่อข่าวดังกล่าวมากนัก โดยเท็ด ไซฟรีด รองประธานของ Zaner Group กล่าวว่า "ราคาถั่วเหลืองและข้าวโพดยังไม่ได้ดิ่งลง ตลาดรับรู้เรื่องการขึ้นภาษีนำเข้ากันมาตลอดสองสัปดาห์แล้ว ตอนนี้เราแค่รอดูว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป"
ก่อนหน้านี้ ราคาข้าวสาลีถูกกดดันจากรายงานของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) เมื่อคืนวันจันทร์ที่ระบุว่า สภาพการเพาะปลูกข้าวสาลีฤดูหนาวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 หลังมีฝนตกทั่วบริเวณเกรตเพลนส์ในเดือนนี้
อย่างไรก็ตาม ราคาได้รับแรงหนุนจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง การฟื้นตัวทางเทคนิค รวมถึงคำสั่งซื้อจากผู้นำเข้าและยอดขายข้าวสาลีสหรัฐฯ ในช่วงเช้าวันอังคาร
นอกจากนี้ เทรดเดอร์บางรายยังทยอยปิดสถานะชอร์ตก่อนถึงวันขอบคุณพระเจ้าในวันพฤหัสบดีนี้ (28 พ.ย.) ซึ่งช่วยพยุงระดับราคาไว้ได้