ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันจันทร์ (2 ธ.ค.) สัญญาถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ปรับตัวลง อันเป็นผลจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกในอเมริกาใต้ การคาดการณ์ว่าผลผลิตของบราซิลจะพุ่งทำลายสถิติ และความกังวลที่ยังคงมีอยู่เกี่ยวกับท่าทีแข็งกร้าวด้านการค้าของรัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่ที่มีต่อจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าถั่วเหลืองรายใหญ่ของโลก
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.50 เซนต์ หรือ +0.35% ปิดที่ 4.2450 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 0.75 เซนต์ หรือ -0.14% ปิดที่ 5.4725 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 4.25 เซนต์ หรือ -0.43% ปิดที่ 9.8525 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาถั่วเหลืองอ่อนตัวลง เนื่องจากผลผลิตล้นตลาดในสหรัฐฯ และการคาดการณ์ว่าบราซิลจะมีผลผลิตสูงทำลายสถิติในปีนี้
เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (28 พ.ย.) Agroconsult ของบราซิลได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ผลผลิตเป็น 172.2 ล้านเมตริกตัน สูงกว่าสถิติเดิมในฤดูกาล 2565/2566 ถึงเกือบ 10 ล้านตัน ด้านบริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจเกษตร Celeres และ StoneX ก็ได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์จนทำสถิติใหม่เช่นกันในวันจันทร์
"ตอนนี้มีถั่วเหลืองล้นตลาดทั้งในสหรัฐฯ และอเมริกาใต้ แถมผลผลิตใหม่ก็กำลังจะทยอยเข้ามาอีก" ดอน รูส ประธาน U.S. Commodities กล่าว
แม้กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) จะประกาศการขายถั่วเหลืองให้จีนอีกครั้งในวันจันทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในการสั่งซื้อหลายครั้งของผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดรายนี้ แต่บรรดาเทรดเดอร์ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญนัก เพราะมองว่าเป็นเพียงการซื้อตามปกติก่อนที่บราซิลจะเข้าสู่ช่วงส่งออกสูงสุด
ด้านสัญญาข้าวโพดแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศในอเมริกาใต้และแรงกดดันเล็กน้อยจากถั่วเหลือง
ส่วนข้าวสาลีสหรัฐฯ ก็ยังคงถูกกดดันจากการแข่งขันกับข้าวสาลีราคาถูกจากอาร์เจนตินาและแถบทะเลดำ แม้รัสเซียจะประกาศลดโควตาส่งออกข้าวสาลีปี 2568 ลง 2 ใน 3 และขึ้นภาษีส่งออก แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นส่งผลกดดันตลาดธัญพืชในภาพรวม เนื่องจากทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์มีต้นทุนสูงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น