ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันอังคาร (3 ธ.ค.) สัญญาถั่วเหลืองสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นจากแรงซื้อคืนเพื่อปิดสถานะชอร์ต (short-covering) และการเข้าซื้อในจังหวะที่ราคาอ่อนตัวลงจากวันก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นถูกจำกัดจากแนวโน้มผลผลิตที่สดใสในอเมริกาใต้ โดยบราซิลเตรียมเก็บเกี่ยวผลผลิตที่สูงเป็นประวัติการณ์ในต้นปีหน้า
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.25 เซนต์ หรือ -0.29% ปิดที่ 4.2325 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 0.25 เซนต์ หรือ +0.05% ปิดที่ 5.4750 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 6.50 เซนต์ หรือ +0.66% ปิดที่ 9.9175 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาข้าวโพดและข้าวสาลีแกว่งตัวขึ้นลง ก่อนปิดตลาดต่ำกว่าจุดสูงสุดของวัน เนื่องจากแรงกดดันจากอุปทานธัญพืชโลกที่มีอยู่มาก
ตลาดธัญพืชเริ่มได้รับผลกระทบจากภาคเกษตรที่ซบเซา หลังจากบริษัทคาร์กิลล์ (Cargill) ประกาศแผนปลดพนักงาน 5% ท่ามกลางรายได้ที่หดตัว ขณะที่บริษัทเอดีเอ็ม (ADM) เตือนถึงความท้าทายในปี 2568 และบริษัทไทสัน (Tyson) ประกาศปิดโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์เพิ่มอีกแห่ง
ราคาถั่วเหลืองยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ขณะที่เทรดเดอร์ประเมินสถานการณ์ระหว่างยอดส่งออกสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นล่าสุดกับอุปทานโลกที่ล้นตลาด และความกังวลเกี่ยวกับท่าทีแข็งกร้าวด้านการค้าของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ ต่อจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุด
"เราจะยังเห็นการซื้อขายถั่วเหลืองในกรอบแคบต่อไป ระหว่างรอดูความชัดเจนเพิ่มเติมเรื่องภาษีนำเข้าและนโยบายการค้า" ริช เนลสัน หัวหน้านักกลยุทธ์ของโบรกเกอร์ Allendale กล่าว
ด้านราคาข้าวสาลีของสหรัฐฯ ยังคงทรงตัวในระดับต่ำ เนื่องจากผลผลิตทั่วโลกที่อุดมสมบูรณ์และเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งบั่นทอนโอกาสการส่งออก
ทางด้านออสเตรเลียได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ผลผลิตข้าวสาลีทั่วประเทศในวันอังคาร โดยผลผลิตที่ดีจากภาคตะวันออกและตะวันตกจะช่วยชดเชยความเสียหายในพื้นที่ภาคใต้