ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันจันทร์ (6 ม.ค.) สัญญาธัญพืชปิดบวกทั้งกระดาน นำโดยสัญญาข้าวสาลี
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 7.00 เซนต์ หรือ +1.55% ปิดที่ 4.5775 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 11.25 เซนต์ หรือ +2.13% ปิดที่ 5.4050 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 6.00 เซนต์ หรือ +0.60% ปิดที่ 9.9775 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ข้าวสาลีได้รับแรงหนุนจากการปรับฐานทางเทคนิค หลังจากราคาดิ่งลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์ (3 ม.ค.)
ด้านสัญญาข้าวโพดปรับตัวขึ้น โดยมีช่วงหนึ่งราคาแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. โดยนักวิเคราะห์ตลาดชี้ว่า สาเหตุหลักมาจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสภาพอากาศแห้งแล้งในอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวโพดรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก
นอกจากข้าวโพดแล้ว ราคาสัญญาถั่วเหลืองก็ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันถั่วเหลืองและกากถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดของโลก กำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนความชื้นอย่างหนัก
ตลาดซื้อขายธัญพืช 2 แห่งหลักของอาร์เจนตินาระบุว่า สภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งที่แผ่ปกคลุมซีกโลกใต้กำลังสร้างความเสียหายให้กับผลผลิตถั่วเหลืองและข้าวโพดในอาร์เจนตินาอย่างหนัก
แม้จะมีความหวังว่าจะมีฝนตกลงมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่คาร์ล เซตเซอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Consus Ag Consulting เผยว่า "สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝนไม่ตกตามที่หวัง แถมแผนที่อากาศล่าสุดเช้านี้ ยังชี้ชัดว่าสถานการณ์แล้งจะเลวร้ายลงไปอีก"
ขณะเดียวกัน การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งลดลง 1.07% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่น ๆ ก็เป็นอีกปัจจัยหนุนราคาธัญพืชทั้งสาม เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่ามาจากรายงานของวอชิงตัน โพสต์ (Washington Post) ที่ระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะจำกัดขอบเขตการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศให้แคบลงกว่าที่เคยขู่ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ชะลอการลดดอกเบี้ย