ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันอังคาร (7 ม.ค.) สัญญาถั่วเหลืองปรับตัวลงเล็กน้อย จากการคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกช่วยคลี่คลายสถานการณ์ในอาร์เจนตินา ส่งผลให้นักลงทุนทยอยขายทำกำไร หลังจากที่ราคาพุ่งขึ้นในวันก่อนหน้าจากปัจจัยสภาพอากาศแห้งแล้งและเงินดอลลาร์อ่อนค่า
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 0.25 เซนต์ หรือ +0.05% ปิดที่ 4.5800 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.00 เซนต์ หรือ +0.37% ปิดที่ 5.4250 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 0.50 เซนต์ หรือ -0.05% ปิดที่ 9.9725 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ข้าวโพดขยับขึ้นเล็กน้อยจากการปรับพอร์ตของเทรดเดอร์ก่อนรายงานอุปสงค์-อุปทานของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ในวันศุกร์นี้ (10 ม.ค.) ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับลดตัวเลขผลผลิตทั้งในอาร์เจนตินาและสหรัฐฯ ส่วนข้าวสาลีก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยฟื้นจากจุดต่ำสุดรอบ 4 เดือนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 ม.ค.)
ดอน รูส ประธานบริษัท U.S. Commodities กล่าวว่า สภาพอากาศในอเมริกาใต้ โดยเฉพาะในอาร์เจนตินา เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าผันผวนตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
แม้มีการคาดการณ์ว่าสภาพอากาศแห้งแล้งจะทวีความรุนแรงขึ้นในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า แต่ Commodity Weather Group ก็คาดว่าจะมีฝนตกในช่วง 11-15 วันข้างหน้า
นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงกดดันตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยนักวิเคราะห์จาก Rabobank คาดว่าราคาถั่วเหลืองสหรัฐฯ อาจร่วงต่ำกว่าต้นทุนการผลิต หากมาตรการภาษีนำเข้าที่ทรัมป์สัญญาไว้นำไปสู่การทำสงครามการค้ากับจีนอีกรอบ
เมื่อวันจันทร์ (6 ม.ค.) ทรัมป์ได้ออกมาปฏิเสธรายงานของวอชิงตันโพสต์ (Washington Post) ที่ว่า ทีมงานของเขากำลังพิจารณาใช้นโยบายภาษีนำเข้าแบบเลือกปฏิบัติ แทนการขึ้นภาษีนำเข้าแบบเหมารวมที่ทรัมป์เคยขู่ไว้ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีในช่วงสัปดาห์ก่อน ทำให้สินค้าส่งออกของสหรัฐฯ ดึงดูดผู้ซื้อต่างชาติมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งในช่วงท้ายของการซื้อขายเมื่อวันอังคาร หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชี้ว่า ตลาดแรงงานมีเสถียรภาพและภาคบริการยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย