ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันพุธ (8 ม.ค.) สัญญาธัญพืชปรับตัวลงทั้งกระดานโดยถูกกดดันจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเพราะความไม่ชัดเจนเรื่องแผนขึ้นภาษีนำเข้าของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกอบกับนักลงทุนต่างชะลอการซื้อขายเพื่อรอดูตัวเลขอุปสงค์-อุปทานจากกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA)
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 4.00 เซนต์ หรือ -0.87% ปิดที่ 4.5400 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 6.25 เซนต์ หรือ -1.15% ปิดที่ 5.3625 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 2.75 เซนต์ หรือ -0.28% ปิดที่ 9.9450 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนีดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ใกล้แตะระดับสูงสุดในรอบสองปีของสัปดาห์ที่แล้ว หลังมีรายงานว่า ทรัมป์มีแผนที่จะประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจแห่งชาติ เพื่อให้เขามีอำนาจในการใช้นโยบายตั้งกำแพงภาษีนำเข้า
เมื่อเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น สินค้าธัญพืชของสหรัฐฯ ก็แพงขึ้นสำหรับประเทศอื่น ๆ บวกกับที่หลายฝ่ายกลัวว่าสหรัฐฯ จะถูกประเทศอื่นขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้ เลยยิ่งสร้างความกังวลว่า ยอดส่งออกธัญพืชของสหรัฐฯ จะซบเซา
เทรดเดอร์ในตลาดยังคงจับตาดูรายงานผลผลิตพืชผลทางการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ (10 ม.ค.) ซึ่งจะช่วยชี้แนวโน้มอุปทานและอุปสงค์ของธัญพืชและพืชน้ำมันให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ราคาถั่วเหลืองและข้าวโพดยังถูกกดดันจากสภาพอากาศในประเทศผู้ผลิตหลักอย่างบราซิลและอาร์เจนตินา โดย Commodity Weather Group คาดการณ์ว่า คลื่นความร้อนและความแห้งแล้งในพื้นที่เพาะปลูกของทั้งสองประเทศจะรุนแรงที่สุดในสัปดาห์หน้า ก่อนที่จะมีฝนตกช่วยบรรเทาความแห้งแล้งในช่วง 11-15 วันหลังจากนั้น