ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันอังคาร (28 ม.ค.) สัญญาข้าวโพดและข้าวสาลีปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาดูว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะออกมาตรการเก็บภาษีนำเข้า 25% กับสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในช่วงสุดสัปดาห์นี้หรือไม่
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 3.25 เซนต์ หรือ +0.67% ปิดที่ 4.8525 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 9.75 เซนต์ หรือ +1.82% ปิดที่ 5.4525 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนมี.ค.ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ปิดที่ 10.4500 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สัญญาถั่วเหลืองราคาทรงตัว โดยได้แรงกดดันจากความกังวลเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้า ประกอบกับสภาพอากาศในแถบอเมริกาใต้ที่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกมากขึ้น ตามที่นักวิเคราะห์ระบุ
จิม แมคคอร์มิค จาก AgMarket.net กล่าวว่า ตลาดต่างวิตกกังวลกับการที่ทรัมป์ขู่จะเก็บภาษีในอัตราสูงจากประเทศคู่ค้าหลักของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.นี้
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ออกมาเตือนว่า การที่สหรัฐฯ เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากบางประเทศนั้น อาจทำให้ประเทศอื่น ๆ ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าบ้าง จนอาจลุกลามกลายเป็นสงครามการค้าได้
สำหรับถั่วเหลือง Commodity Weather Group รายงานว่า อาร์เจนตินาที่กำลังเผชิญภัยแล้งอยู่นั้น จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นในอีก 11-15 วันข้างหน้า ส่วนในบราซิล ฝนที่จะตกช่วงวันอังคารถึงวันพฤหัสบดี (28-30 ม.ค.) น่าจะช่วยให้การทำเกษตรกรรมที่ชะงักงันอยู่กลับมาคล่องตัวขึ้น
แม้บราซิลจะประสบปัญหาสภาพอากาศแปรปรวน แต่ในฐานะผู้ส่งออกพืชน้ำมันรายใหญ่ที่สุด หลายฝ่ายยังเชื่อมั่นว่า ผลผลิตถั่วเหลืองจะออกมาสูงตามคาด
แมคคอร์มิคอธิบายว่า ราคาข้าวสาลีที่พุ่งสูงขึ้นมาจากสองปัจจัย คือการเทรดตามปัจจัยทางเทคนิค และความกังวลเรื่องอากาศหนาวในเขตเพลนส์ของสหรัฐฯ ที่อาจทำให้พืชผลเสียหาย ส่วนราคาข้าวโพดที่ขยับขึ้นนั้น นอกจากจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับข้าวสาลีแล้ว ยังเป็นเพราะบรรดากองทุนต่าง ๆ เข้ามาถือครองสัญญาซื้อสุทธิกันเป็นจำนวนมากด้วย
แมคคอร์มิคกล่าวว่า กองทุนต่าง ๆ เข้ามาซื้อข้าวโพดเนื่องจากสต๊อกข้าวโพดในตลาดโลกอยู่ในระดับต่ำ และคาดว่ากองทุนจะหันมาลงทุนในสินค้าเกษตรมากขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่อาจพุ่งสูงขึ้น อันเป็นผลมาจากนโยบายการค้าของทรัมป์